ท่านอนหงายที่ว่าดี แต่…ทำไมนอนหงายแล้วปวดหลัง?

ทำไมนอนหงายแล้วปวดหลัง? หลายท่านคงจะเคยประสบกับปัญหาเหล่านี้กันใช่ไหมคะ? มีปัจจัยมากมาย ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังเวลานอนหงายนั้น อาทิ เช่น การที่กระดูกสันหลังคด หรือที่นอนที่ไม่เหมาะสม มีลักษณะที่แข็งเกินไป หรือ นุ่มเกินไป ไม่รองรับกับสรีระร่างกาย อาจเกิดการกดทับตามจุดต่างๆ ปวดหลังหลังตื่นนอน หากละเลยและปล่อยไว้อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ การที่จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างถูกต้องที่สุดนั่นก็คือ การเปลี่ยนที่นอน 

การเลือกที่นอนแก้ปวดหลัง

          การเปลี่ยนที่นอนนั้น ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายๆคน เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ราคา คุณภาพ สัมผัมความนุ่มแน่นที่เหมาะสม และในคนบางกลุ่มอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นมากนัก แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเปลี่ยนที่นอนนั้น อาจจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด และสามารถที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพการนอนและร่างกายได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการลดอาการปวดหลังเฉียบพลัน เพราะการที่เรานอนบนที่นอนที่มีความเหมาะสมกับสรีระร่างกาย จะช่วยทำให้คุณนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม บรรเทาอาการปวดเมื่อย และยังส่งผลที่ดีต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย เพราะการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ แต่ในการเปลี่ยนที่นอนก็ยังคงมีปัจจัยในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง สำหรับบางท่านจึงเลือกใช้ท็อปเปอร์ ที่มีราคาถูกลงกว่าการลงทุนซื้อที่นอนทั้งหลังเพื่อที่จะช่วยซัพพอร์ตเรื่องการนอนในระยะสั้นได้

อาการปวดหลังจากการนอนหงายบนที่นอนแน่น

         หากที่นอนที่ใช้อยู่มีสัมผัสที่แน่นเกินไป จะทำให้การที่เกิดช่องว่างที่ไม่แนบสนิทกันระหว่างแผ่นหลังและที่นอน และการที่เกิดช่องว่างระหว่างแผ่นหลังกับที่นอนนั้น เป็นต้นเหตุของอาการนอนแล้วปวดหลังช่วงล่างได้ วิธีการแก้ไขเพื่อลดอาการดังกล่าว คือการเปลี่ยนที่นอนที่มีลักษณะรองรับสรีระและลดการกดทับ เพราะการที่เรานอนที่นอนแข็งหรือแน่นเกินไปนอกจากจะทำให้เกิดแรงกดทับตามร่างกายแล้วยังทำให้ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามบริเวณต่างๆของร่างกายตามมาได้อีก และวิธีการแก้ไขอีกหนึ่งวิธีก็คือการนำหมอนใบเล็กมาวางไว้ใต้เข่าในท่านอนหงาย การนอนในลักษณะนี้จะทำให้แผ่นหลังแนบชิดติดกับที่นอน ลดการเกิดช่องว่างระหว่างหลังและที่นอน และลดอาการปวดหลังอีกด้วยค่ะ

Kradle Underkicks หมอนรองเข่าทรงครึ่งวงกลม ที่ออกแบบดีไซน์เติมเต็มและรองรับส่วนโค้งเว้าของหัวเข่า และในการยกขาสูงยังช่วยให้แผ่นหลังยืดตรงและแนบสนิทกับที่นอนมากขึ้นอีกด้วย พร้อมด้วยวัสดุคุณภาพที่คัดสรรเป็นอย่างดี เช่น ผ้าหุ้ม K2 Kool มอบสัมผัสเย็นสบาย ช่วยในเรื่องการระบายอากาศได้เป็นอย่างดี พร้อมเส้นใย Komfy Downy ที่ละเอียดกว่าเส้นใยทั่วไป 15 เท่า ถูกนวดปูใยให้มีสัมผัสความนุ่มแน่น ช่วยรองรับสรีระและมอบความสบายคลายอาการนอนปวดหลังทุกคืน

หรืออีกหนึ่งตัวช่วย ที่จะลดปัญหาที่นอนที่มีสัมผัสแน่นเกินไป คือ Topper Kool Kloud Downy ท็อปเปอร์หนานุ่มถึง 4 นิ้ว ที่มอบสัมผัสนุ่มสบายโอบสรีระ ด้วยเส้นใย Komfy Downy ที่มีความละเอียด พร้อมการดีไซน์เย็บเป็นบล็อก ช่วยยึกตัวใยและยืดอายุการใช้งานได้อย่างยาวนาน

อาการปวดหลังจากท่านอนหงายบนที่นอนนุ่ม

          อาการปวดหลังจากท่านอนหงายของที่นอนที่มีลักษณะที่นุ่มเกินไปก็สามารถทำให้ปวดหลังได้เช่นกัน เกิดเนื่องจากความยวบของที่นอนและน้ำหนักตัวในแต่ละบุคคล สรีระที่แตกต่างกัน จึงทำให้เวลานอนหงายร่างกายไม่ถูกต้านจากตัวที่นอน ไม่มีการรองรับที่เหมาะสม จนทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามจุดต่างๆ วิธีการแก้ไขนอกจากการเปลี่ยนที่นอนให้มีลักษณะที่แน่นเฟิร์มขึ้นมา หรือใช้ท็อปเปอร์เสริมความแน่นแล้ว ก็สามารถแก้ไขได้อีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือการปรับท่านอนเป็นท่านอนตะแคงและดอดหมอนข้างที่โค้งเข้าสรีระ (หมอนข้างทรงตัว J) จะช่วยเสริมให้กระดูกสันหลังตรง ช่วยจัดสรีระท่านอนได้ถูกต้องและยังบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้อีกด้วยค่ะ

ฟื้นตัวเร็ว ด้วยวิธีง่าย ๆ กับการดูแลตัวเองโดยเฉพาะอาการหลังผ่าตัดเข่า และสะโพก

หลายท่านคงกังวลและสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดเข่า หรือสะโพกกันอยู่ใช่ไหมคะ และแน่นอนว่าคงมีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นในหัวไม่ว่าจะเป็น 

  • อาการแบบไหนถึงต้องผ่าตัด
  • ใช้วิธีบล็อคหลังหรือดมยาสลบ 
  • ถ้าผ่าแล้วแผลจะยาวกี่เซนติเมตร 
  • มีผลข้างเคียงมากน้อยแค่ไหน 
  • ต้องนอนโรงพยาบาลกี่วัน 
  • ผ่าตัดหัวเข่าพักฟื้นกี่วันถึงจะกลับมาเป็นปกติ เข่าถึงจะเริ่มงอเข่า,ยืน,เดินและพอขับรถใกล้ๆได้ 
  • หลังผ่าแล้วต้องกลับมาทำกายภาพบำบัดอีกหรือไม่ 
  • รวมถึงรอยแผลหลังผ่าตัด หากหายสนิทดีแล้ว จะยังคงมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เช่น รอยตึงของแผล หรืออาการเจ็บรอบแผล เป็นต้น 

ในบทความนี้เราจะมาตอบปัญหาที่หลาย ๆ ท่านกำลังสงสัยพร้อมแนะนำการดูแลรักษาร่างกายให้กลับมาฟื้นตัวเร็ว ด้วยวิธีง่าย ๆ กับการดูแลร่างกายโดยเฉพาะอาการหลังผ่าตัดเข่า และสะโพกกันค่ะ 

ต้องเป็นมากน้อยขนาดไหนถึงต้องผ่าตัด? 

เรื่องการผ่าตัด จริง ๆ เกิดได้ในหลายสาเหตุ แต่ในบทความนี้เราจะมาเน้นกันที่ปัญหาเรื่องสุขภาพเข่าและสะโพกกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เรานั้นจำเป็นต้องผ่าตัด? 

ปัญหาอะไรบ้างที่ทำให้เราต้องการผ่าตัด ?

ในส่วนของการผ่าตัดเข่า มักจะจำเป็นก็ต่อเมื่อข้อเข่าสึก หรือมีภาวะอาการเสียหายรุนแรง ซึ่งการผ่าตัดจะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดจากข้อเข่าอักเสบ และฟื้นฟูการทำงานของข้อเข่าที่เป็นโรคร้ายแรงได้  โดยปัญหาส่วนใหญ่ที่พบบ่อยที่สุด เมื่อต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าคือ โรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะสุขภาพอื่น ๆ ที่ทำให้เข่าเสียหาย ได้แก่ :

  • ข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • โคคฮีโมฟีเลีย
  • โรคเกาต์
  • ความผิดปกติที่ทำให้กระดูกเติบโตผิดปกติ
  • กระดูกข้อเข่าตายจากปัญหาเลือดไปเลี้ยง
  • อาการบาดเจ็บที่เข่า
  • ข้อเข่าผิดรูปด้วยความเจ็บปวดและสูญเสียกระดูกอ่อน

ส่วนเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับสะโพก โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการผ่าตัดสะโพกคือ ปัญหาจากโรคข้อเข่าเสื่อม หรือภาวะอื่น ๆ ที่อาจทำให้ข้อต่อสะโพกเสียหายได้ เช่น 

  • ข้ออักเสบรูมาตอยด์ 
  • กระดูกสะโพกหัก 
  • ข้อสะโพกเสื่อม
  • โรคข้ออักเสบ 
  • ความผิดปกติที่ทำให้กระดูกเจริญเติบโตผิดปกติ (กระดูก dysplasias)

ความแตกต่างระหว่างบล็อกหลัง กับ ดมยาสลบ

การบล็อกหลัง หรือการทำให้รู้สึกชาเฉพาะที่ 

เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดบริเวณขาหรือสะโพก รวมถึงการผ่าตัดช่องท้องส่วนล่าง ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่

  1. Epidural block คือการฉีดยาชาเฉพาะที่ โดยสามารถระงับความรู้สึกเจ็บปวดและมีการหย่อนกล้ามเนื้อ เป็นการฉีดยาชาเข้าไปช่องเหนือ ช่องน้ำไขสันหลัง 
  2. Spinal block คือการฉีดยาชาเข้าไปในช่องน้ำไขสันหลัง ซึ่งจะออกฤทธิ์กดการนำส่งพลังประสาท ทำให้มีอาการชาและหย่อนกล้ามเนื้อใรบริเวณที่ถูกบล็อกไว้

โดยการเลือกระหว่าง 2 แบบนั้นจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ แต่โดยทั่วไป การทำแบบ Spinal block จะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่า เพราะว่าใช้เวลาในการทำสั้นกว่า ออกฤทธิ์เร็วและแน่นอนกว่า 

ข้อดีของการบล็อกหลัง  : 

  1. กล้ามเนื้อของขาจะหย่อนตัวได้ดีกว่าการวางยาสลบ ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดได้สะดวกกว่า
  2. ความต้องการยาแก้ปวดในช่วงหลังผ่าตัดจะน้อยกว่าการวางยาสลบ เนื่องจากระบบประสาทถูกสกัดจากยาชาก่อนที่จะเกิดบาดแผล ผิดกับการวางยาสลบ ซึ่งยาสลบจะไปกดสมองไม่ให้รับรู้ความเจ็บปวด แต่ ระบบประสาทไขสันหลัง และระบบประสาททั่วร่างกายยังทำงานของมันอยู่ ทำให้เมื่อยาสลบหมดฤทธิ์ ก็จะปวดมาก 
  3. หากผู้ป่วยกลัว หรือ กังวลมาก ก็อาจจะให้ยานอนหลับ (คนละชนิดกับยาสลบ) ให้หลับ เพื่อลดความกลัว ลดความกังวลได้ 

ข้อเสียของการบล็อกหลัง ​: 

  1. หลังผ่าตัดจะขยับขาไม่ได้อยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง ในบางรายอาจจะรู้สึกรำคาญ หรือ เมื่อยขา โดยเฉพาะในช่วงที่ยาชากำลังจะหมดฤทธิ์ 
  2. บางคนอาจจะมีอาการปัสสาวะไม่ออก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่มักจะเกิดขึ้นในช่วง 12 ชั่วโมงแรก 
  3. มีอาการปวด หรือ เมื่อยหลัง อาจจะเป็นได้ในช่วงวันแรก ๆ 

การดมยาสลบ

เป็นการรวมกันของยาที่ทำให้เราหลับก่อนการผ่าตัด เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเพราะหมดสติไปโดยสมบูรณ์ การดมยาสลบมักใช้ยาทางหลอดเลือดดำร่วมกับก๊าซที่สูดดม (ยาชา) การดมยาสลบเป็นมากกว่าแค่การหลับ เมื่อสมองเราได้ดมยาสลบไปแล้ว จะไม่มีตอบสนองต่อสัญญาณความเจ็บปวดหรือปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ โดยข้อดีของการดมยาสลบ คือ ผู้ป่วยไม่ต้องรับรู้ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในห้องผ่าตัด ในขณะเดียวกัน ถ้ามีข้อดี ย่อมมีข้อเสียเช่นเดียวกัน นั้นก็คือ การใช้ยาสลบหลาย ๆ ตัวอาจจะทำให้มีผลข้างเคียงได้บ่อย แต่มักไม่อันตราย ซึ่งผู้ป่วยจะสามารถหายได้เองในเวลาอันสั้น ซึ่งผลที่ตามมาอาจจะเป็นมีอาการเจ็บคอ ระคายคอ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการสอดใส่ท่อช่วยหายใจผ่านเข้าไปในหลอดลม อาการนี้จะใช้เวลาหายไม่นานเกินกว่า 1-2 วัน บางครั้งอาจจะมีอาการคลื่นไส้ หรือ มีความเสี่ยงในเรื่องของการสำลักเศษอาหารควบคู่ไปด้วยสำหรับบางท่าน 

ระยะเวลาการรักษา

สำหรับประเด็นในการรักษาการผ่าตัดเข่า โดยปกติทั่วไป เมื่อทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า แพทย์จะทำการเปิดแผลผ่าตัดบริเวณหัวเข่ายาวประมาณ 8-10 เซนติเมตรเพื่อนำส่วนของข้อเข่าที่เสื่อมสภาพออก หลังจากผ่าเข่า จำเป็นต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 2-3 วัน ระหว่างนี้แพทย์จะให้ทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว และก่อนอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน แพทย์จะตรวจดูให้แน่ใจก่อนว่าผู้ป่วยลุกขึ้นยืน นั่ง นอน และเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว 

สำหรับการรักษาการผ่าตัดสะโพก ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวไวและลดอัตราการเกิดข้อสะโพกหลุดหลังผ่าตัด โดยขนาดของบาดแผลในการผ่าตัดสะโพกนั้นจะมีความยาวประมาณ 3 – 4 นิ้ว โดยแผลผ่าตัดจะอยู่ด้านหน้า และสามารถซ่อนแผลใต้รอยขอบบิกินี่ (Bikini incision) ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนการผ่าตัดจะใช้เวลาผ่าตัด 2-3 ชั่วโมง โดยศัลยแพทย์จะตัดกระดูกอ่อน และกระดูกส่วนที่เสียหายออก และใส่วัสดุข้อสะโพกเทียมเข้าไปแทน เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จ ผู้ป่วยอาจจะจำเป็นต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นเวลา 4 – 7 วัน และหลังผ่าตัด12 สัปดาห์ขึ้นไปผู้ป่วยอาจจะสามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่ความช้าหรือเร็วในการหายเป็นปกติ อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัย และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันออกไป 

หลังการผ่าตัด ควรมีวิธีดูแลอย่างไร?

นอกจากจะต้องมีคุณหมอที่เก่งแล้ว การพักฟื้นก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เช่นเดียวกัน เพราะหากเราพักฟื้นในท่าที่ไม่เหมาะสม อาจเกินผลกระทบต่อการผ่าตัด หรือแผลผ่าตัดได้นะคะ วิธีพักฟื้นโดยทั่วไป 2 ตัวช่วยที่อยากขอแนะนำที่ผู้ผ่าตัดเข่าหรือสะโพกจะต้องมี เพราะจะช่วยให้การพักฟื้นนั้นสบายขึ้น 

ก็คือ หมอนรุ่น Kool Komfort Kradle เป็นหมอนสำหรับล็อคขา เพื่อช่วยประคองขาและช่วงหัวเข่าไม่ให้บิดออกจากแนวเส้นตรง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยจากการนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน มีรูปทรง W แนวตรงช่วยรองรับหัวเข่าและปลายเท้าได้อย่างเหมาะตามหลักสรีรศาสตร์ เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น แม้นอนเป็นเวลานาน ก็ไม่รู้สึกอึดอัด หรือร้อนขา อย่างแน่นอน 

Kool Komfort Kradle

และอีกหนึ่งตัวช่วยที่แนะนำจะเป็น หมอน Kradle Underkicks เป็นหมอนรองเข่า รูปทรงครึ่งวงกลม ซึ่งเป็นหมอนเหมาะสำหรับรองใต้ขา ช่วยลดแรงกดทับ และลดอาการปวดเมื่อย โดยเฉพาะบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และหัวเข่า 

Kraddle Underkicks

หากใช้หมอนล็อคขา Kool Komfort Kradle และหมอนรองเข่า Kradle Underkicks ร่วมกัน จะช่วยในการพักฟื้นและซัพพอร์ตร่างกายที่พึ่งได้รับการผ่าตัดมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะจะช่วยรองรับตั้งแต่ช่วงสะโพกไปถึงข้อเท้า ลดการเคลื่อนไหวระหว่างการพักฟื้น

และทั้งหมดนี้ คือข้อมูลที่รวบรวมมาให้กับทุกคนที่กำลังหามองหาวิธีการดูแลที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว ด้วยวิธีง่าย ๆ กับการดูแลร่างกายโดยเฉพาะอาการหลังผ่าตัดเข่า และสะโพก หากใครมีข้อคำถามหรือสงสัยเกี่ยวกับสินค้าหมอนทั้ง 2 รุ่นข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 095-907-6587 หรือ Facebook Page : ​​SleepKomfy  

ท่านอนคนท้องที่ดีที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่เดือนแรก – เดือน 9

ตั้งแต่รู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในร่างกายเรา ท่านอนที่เคยนอนก็เปลี่ยนไป เพราะไม่ใช่ว่าคนท้องจะนอนท่าไหนก็ได้ หากแต่ท่านอนคนท้อง อาจจะไม่ได้เหมือนกับคนทั่วไปมาก เราจะต้องคำนึงถึงเด็กน้อยที่อยู่ในท้องเราตลอดเวลาเพราะบางท่านอน เช่น ท่านอนคว่ำก็อาจจะไม่ได้ดีต่อเด็กในท้องเสมอไป บางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า คนท้องห้ามนอนหงาย ฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึง ท่านอนที่นอนสบายไม่ทับลูกน้อย ท่านอนคนท้องที่ดีที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่กัน

คนท้องควรนอนท่าไหนที่เหมาะกับลูกน้อยในครรภ์ 

คนท้องนอนตะแคงซ้าย เหมาะที่สุด!

การนอนตะแคงซ้ายมักเป็นท่านอนที่ “เหมาะสม” ที่สุดในระหว่างตั้งครรภ์ การวางตำแหน่งตัวเองไว้ที่ด้านซ้ายของร่างกายช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี เส้นเลือดใหญ่จะขนานกับกระดูกสันหลังของคุณทางด้านขวาและนำเลือดไปยังหัวใจของคุณและย้อนกลับไปหาลูกน้อยของคุณ

นอกจากนี้การนอนตะแคงซ้ายจะยังช่วยลดแรงกดทับจากตับและไตของคุณด้วย ซึ่งหมายความว่ามีพื้นที่มากขึ้นในการทำงานอย่างถูกต้อง ช่วยลดปัญหาการบวมที่มือ ข้อเท้า และเท้า

คนท้องนอนตะแคงขวาได้ไหม?

ถ้าการนอนตะแคงซ้ายคือท่าที่เหมาะสม คุณแม่ทุกคนควรหันมานอนตะแคงซ้ายตลอดเลยหรือไม่? หรือ คนท้องนอนตะแคงขวาได้ไหม?คำตอบคือ ไม่จำเป็นเสมอไป คนท้องสามารถนอนตะแคงขวาได้ การนอนตะแคงไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย หรือ ด้านขวา ล้วนมีความปลอดภัยต่อเด็กในท้องอย่างแน่นอน แต่บางครั้งการนอนตะแคงขวาก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงของ IVC (Inferior vena cava) หรือ เส้นเลือดอินฟีเรียเวนาคาวา คือเส้นเลือกที่รับเลือดดำจากร่างกายส่วน ลำตัว และ ขา ไหลเข้าสู่หัวใจห้องบนขวา แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่อันตรายมาก ฉะนั้น คุณแม่ทั้งหลายสามารถเลือกนอนได้ทั้ง 2 ด้าน

ท่านอนคนท้องที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยในแต่ละเดือน 

สำหรับคุณแม่ที่ท้อง 3 เดือนแรก

คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ ท่านคนอาจจะสงสัยว่า คนท้องนอนหงายได้ไหม? โดยทั่วไปตำแหน่งการนอนของการท้องในระยะแรกอาจจะยังไม่ใช้ปัญหาที่ใหญ่มากนัก เพราะสามารถนอนได้ง่ายในทุก ๆ ท่านอน ไม่ว่าจะเป็นท่านอนหงาย  หรือท่านอนคว่ำ แต่หากรู้สึกนอนไม่สบายตัว ก็สามารถนำหมอนมารองระหว่างขาได้ ก็จะช่วยเบาเทาอาการไม่สบายตัวของคุณได้  

สำหรับคุณแม่ที่ท้อง 3-6 เดือน

เมื่อท้องของคุณเริ่มโตขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ในช่วงอายุครรภ์ 5 เดือน คุณอาจจะต้องการหาหมอนตั้งครรภ์ เพื่อให้เข้ามาช่วยรองรับตัวคุณในขณะที่คุณนอนตะแคง คุณสามารถวางหมอนตามแนวหลัง หรือ แนวหน้าท้องของคุณในขณะนอนหลับเพื่อให้คุณและลูกน้อยสามารถนอนได้ง่ายและสบายมากขึ้น

สำหรับคุณแม่ที่ท้อง 6-9 เดือน

และในช่วงสุดท้ายของคุณแม่ท้องแก่ สำหรับท่านอนคนท้อง 8 เดือน ถึง 9 เดือน แน่นอนว่าคุณจะยังคงใช้หมอนรองครรภ์เพื่อรองรับลูกน้อยอยู่ แต่ถ้าหากคุณเริ่มรู้สึกว่ามันไม่โอเคแล้ว แนะนำให้คุณนำหมอนมารองใต้ท้องติดไว้ในขณะที่นอนหลับได้เลย เพื่อไม่ให้ท้องคุณกลิ้งไปมา และถ้าหากคุณยังไม่คุ้นเคยกับการนอนตะแคง คุณอาจจะต้องลองใช้หมอนหนุนร่างกายในส่วนบนให้เป็นมุม 45 องศา วิธีนี้จะทำให้หลังของคุณไม่แบนราบแนบไปกับเตียง อีกทั้งยังช่วยเรื่องการกดทับจาก IVC อีกด้วย 

ท่านอนคนท้อง 3 เดือน 6 เดือน และ 9 เดือน

ท่านอนคว่ำ สำหรับคนท้องเหมาะสมไหม?

ในช่วงที่ท้อง 4-9 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกมีการเติบโต และท้องเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากท่านอนคว่ำจะทำให้แม่หายใจลำบากแล้ว ยังเป็นการกดทับบริเวณมดลูก อาจเป็นอันตรายต่อทารกที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ภายใน ท่านอนคว่ำจึงเป็นท่าที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับคนท้อง แต่ถ้าหากต้องการนอนคว่ำจริง ๆ อาจจะต้องพิจารณาเลือกใช้หมอนที่มีรูตรงกลางเพื่อลดแรงกดดันลงไปที่หน้าท้อง

หมอนตั้งครรภ์จำเป็นแค่ไหน ทำไมต้องถึงต้องใช้?

เมื่อร่างกายของคุณเปลี่ยนแปลงและเติบโตในระหว่างตั้งครรภ์ คุณอาจพบว่าการปวดตามร่างกายทำให้คุณตื่นตัว นอกจากนี้ คุณยังควรนอนตะแคงซึ่งอาจไม่ใช่ท่านอนที่คุณถนัด ทั้งหมดนี้สามารถทำให้การพักผ่อนยากขึ้นเมื่อคุณต้องการมากที่สุด

หมอนคนท้องได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับคุณและร่างกายของคุณ คุณจึงสามารถนอนหลับในท่าที่ปลอดภัยขณะตั้งครรภ์ เมื่อซื้อหมอนสำหรับตั้งครรภ์ คุณอาจเจอแบบ “C” และ “U” รุ่นรูปตัวยูจะรองรับทั้งด้านหลังและด้านหน้าของคุณ แต่จะใช้พื้นที่เตียงมากกว่า 

ในอีกทางหนึ่ง หมอนรูปตัว C จะใช้พื้นที่น้อยกว่าเล็กน้อย แต่ไม่สามารถรองรับร่างกายได้เต็มที่ตามที่คุณอาจปรารถนา และไม่ว่าจะเป็นหมอนแบบไหน มันก็จะดีกับคุณและลูกน้อยของคุณแน่นอน หมอนคนท้องที่เราอยากจะแนะนำ คือ “หมอน Kool Komfort Hug” เป็นหมอนรูปทรงโค้งรับเข้าลำตัวและช่วยรองรับหัวเข่าและเท้า ดีไซน์ออกมาเป็นรูปทรงตัว J โดยหมอนจะโค้งเข้าลำตัวเพื่อรับกับสรีระของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ สันด้านในของหมอนออกแบบให้สูงน้อยกว่าสันด้านนอก เพื่อง่ายต่อการพาดหัวเข่าและรองรับบริเวณช่วงท้องได้อย่างสบายไม่อึดอัด มีสองเนื้อผ้าต่างสัมผัสและคุณสมบัติให้ผู้ใช้เลือก ด้วยผ้ารุ่น DovasilQ มอบสัมผัสนุ่มพิเศษปกป้องไรฝุ่น หรือผ้า K2 Kool ให้ผิวสัมผัสเย็นสบายช่วยบรรเทาอาการร้อนได้ง่าย เป็นผลมาจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าหมอนใบนี้จะทำให้คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ ท่านสามารถนอนหลับสนิทตลอดคืน

หมอนคนท้อง สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

มีอาการปวดคอหลังตื่นนอน ทำยังไงดี? ส่อง 5 วิธีรักษาแก้อาการปวดคอ

ตื่นเช้ารับวันใหม่ ด้วยความสดใสและสดชื่น แต่เมื่อลุกขึ้นจากเตียง กลับรู้สึกเจ็บ มีอาการปวดคอ ลามมาจนเกิดอาการปวดหลังในบางครั้ง เพราะบางทีคุณอาจจะนอนผิดท่า หรือนอนตกหมอน จนคอเคล็ด จึงอาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอเล็กน้อย และทำให้กล้ามเนื้อ รวมถึงเส้นเอ็นที่คอของคุณดึงได้ การรักษาอาจจะใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 วัน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรง แต่ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวได้ ฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึง “ถ้าเกิดอาการปวดเมื่อยต้นคอทำยังไงดี? ส่อง 5 วิธีรักษาอาการปวดคอหลังตื่นนอน”

สาเหตุการปวดต้นคอเกิดจากอะไรได้บ้าง?

ความตึงเครียดและความเครียดของกล้ามเนื้อ 

ซึ่งมักเกิดจากกิจกรรมและพฤติกรรมเช่น:

  • นั่งผิดท่า
  • ทำงานที่โต๊ะทำงานนานเกินไปโดยไม่เปลี่ยนตำแหน่ง
  • นอนผิดท่า
  • บิดคอขณะออกกำลังกาย

นอนหมอนสูงเกินไป

การนอนหมอนที่สูงและแข็งเกินไป จะทำให้ส่วนของศีรษะสัมผัสกับหมอนน้อย ซึ่งอาจจะทำให้มีการไหลเวียนเลือดไม่สะดวกและทำให้ส่วนคอของคุณเกร็ง และมีท่าทางการนอนที่สูงขึ้น ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้อย่างเต็มที่ อาจทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อกระดูกต้นคอทับหลอดเลือดและเส้นประสาทหรือเกิดอาการเป็นเฉพาะที่ได้

นอนหมอนต่ำเกินไป 

การนอนหมอนต่ำ หรือหมอนที่แบนเกินไป อาจจะก่อให้เกิดอาการปวดต้นคอ ฉะนั้นคุณอาจจะต้องลองนอนหงายตรง เพื่อที่จะให้เกิดช่องว่างระหว่างศีรษะกับคอ ซึ่งตรงนั้นจะทำให้สามารถเข้าไปรองรับได้พอดี ช่วยลดปัญหาอาการปวดคอได้

นอนผิดท่า

การนอนผิดท่าทางที่ผิดแปลกไปจากปกติ ก็อาจจะผลต่ออาการปวดคอเช่นกัน การนอนผิดท่า นอนหมอนไม่ตรงกับสรีระ ล้วนก่อให้เกิดอาการปวดหลังได้ ดังนั้นจึงเราควรเลือกหนุนหมอนให้เหมาะกับตัวเอง หากปวดคอมาก ๆ อาจหันมาเลือกใช้หมอนโฟมหรือหมอนที่ผลิตมาเพื่อผู้ที่ประสบปัญหานี้โดยเฉพาะ น่าจะพอทำให้อาการปวดคอลดลง

นอนตกหมอน

มีอารการปวดแบบไม่รู้ตัว มีอาการปวดต้นคอ ท้ายทอย ปวดศีรษะ เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า บางคนมีอาการต้นคอแข็งเกร็ง หากใครอาการหนักก็อาจจะถึงขั้นหันคอไม่ได้ ขยับแล้วเจ็บ และบางครั้งศีรษะอาจจะเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งอาการนี้เรียกว่า “การนอนตกหมอน” ซึ่งเป็นปัญญาที่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว

วิธีรักษาอาการปวดคอ

ในกรณีที่มีอาการปวดคอ อันเกิดจากการนอนผิดท่า ทำให้การนอนหลับพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ คุณสามารถปฏิบัติตามเคล็ดลับข้างล่างนี้เพื่อช่วยบรรเทาอาการเมื่อยต้นคอ และปวดคอได้

ปฏิบัติตามกฎการออกกำลังกายคอ

  • วางมือข้างหนึ่งไว้ที่ด้านข้าง (ขวาหรือซ้าย) ของคอ เอามือแตะคอเบาๆ หมุนศีรษะไปทุกทิศทางเป็นเวลาอย่างน้อย 5 – 10 วินาที 
  • ดันศีรษะไปข้างหลังโดยให้คางชี้ไปที่เพดาน แล้วดันกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม
  • ก้มศีรษะให้คางแตะหน้าอก ในขณะที่คุณทำกำลังหัดทำ ให้แน่ใจว่าไหล่ของคุณผ่อนคลาย รักษาตำแหน่งนี้ไว้ 20 วินาทีแล้วทำซ้ำ
  • นอนให้ตรง งอเข่าพร้อมพยุงคอและศีรษะโดยวางหมอนไว้ข้างใต้ คุณสามารถขยับหัวของคุณให้เหมือนกับว่าคุณกำลังพยักหน้า ค้างไว้เป็นเวลาสิบวินาที ผ่อนคลายและทำซ้ำแบบนี้ 10 ครั้ง

การยืดร่างกายเหล่านี้จะทำให้คอของคุณเคลื่อนไหวเป็นวงกลมเล็กน้อย มันจะช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อคอของคุณในขณะที่เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปทั่วเนื้อเยื่อ สิ่งนี้จะช่วยให้รู้สึกสบายคอทันที หากทั้งหมดนี้ไม่สามารถรักษาอาการปวดคอได้เนื่องจากคุณมีอาการปวดอย่างต่อเนื่องให้ปรึกษาหมอนวดเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม 

การนวดคอ

การนวดคอด้วยน้ำมันหอมระเหย เช่น น้ำมันทีทรี ตะไคร้หอม และลาเวนเดอร์ไม่เพียงช่วยให้ผ่อนคลาย และยังช่วยบรรเทาอาการกล้ามเนื้อคอตึงอีกด้วย หากไม่มีใครนวดดี ๆ ให้คุณ คุณสามารถใช้เทคนิคการนวดตัวเองสามารถทำได้ตามนี้ 

ยืดคอของคุณโดยเอาคางเข้าหาหน้าอก ตอนนี้ วางปลายนิ้วสามนิ้วไว้ใต้คอ ตรงจุดที่ไหล่และคอบรรจบกัน กดค้างจุดนี้ไว้สักครู่ แล้วปล่อยจนกว่ากล้ามเนื้อคอจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำซ้ำแบบนี้วนไป จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และค่อย ๆ ขยับไหล่ไปข้างหน้าและข้างหลัง 

จัดท่าและตำแหน่งการนอนของคุณ

การนอนผิดท่าอาจกดดันกล้ามเนื้อคอได้ ซึ่งเราสามารถจัดและปรับตำแหน่งการนอนที่สมดุลระหว่างคอและกระดูกสันหลังของคุณ และเลือกที่นอนที่รองรับสรีระ พร้อมกับหมอนที่รองรับศีรษะ

ลงทุนในกับหมอนที่รองรับช่วงคอ 

จะเป็นอย่างไร ถ้าหมอนใบเก่าของคุณอาจจะเป็นต้นเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังอาการปวดคออันโหดร้ายนั้น เพราะหากหมอนสูงเกินไป หมอนจะเอียงคอขึ้นด้านบน ซึ่งจะทำให้คอและกระดูกสันหลังไม่สมดุล หรือหากหมอนต่ำเกินไป หมอนจะเอียงคอลงซึ่งจะทำให้เกิดผลเช่นเดียวกัน

ซึ่งปัญหาสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ นั่นหมายถึงได้เวลาเปลี่ยนหมอนใบใหม่ของคุณแล้ว หมอนที่ดีควรจะรองรับศีรษะตั้งแต่ต้นคอไปยังกระดูกสันหลังของคุณอยู่ในระนาบเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดคอได้ อย่างหมอนแก้ปวดคอ Kool Kiss ที่มีการดีไซน์มาเพื่อรองรับและซัพพอร์ตทุกท่วงท่าในการนอน สามารถรองรับท้ายทอย ลดอาการปวดบริเวณต้นคอ สำหรับท่านอนหงาย⁣⁣⁣⁣⁣ และด้านสามบล็อก สามารถสลายแรงกดทับใบหู ช่วยรองรับแก้มและต้นคอได้เป็นอย่างดี 

หมอนรองคอจาก Komfy ช่วยลดอาการปวดคอได้

การประคบร้อนที่คอ

การประคบร้อนเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาแบบดั้งเดิมแต่ได้ผลในการกำจัดอาการปวดคอ เนื่องจากช่วยลดอาการตึงของคอที่เกิดจากการนอนหลับผิดวิธี

แม้ว่าจะมีหลายวิธีในการให้ความร้อนกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบ แต่หนึ่งในนั้นคือการใช้ขวดน้ำร้อนเริ้มต้นโดยเทน้ำร้อนลงในขวดน้ำร้อน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำไม่รั่วไหลออกจากขวด และสามารถใช้ประคบร้อนที่คออย่างน้อย 10 นาทีหรือจนกว่าอาการเจ็บกล้ามเนื้อคอค่อย ๆ หายไป

และนี่ก็เป็น 5 แนวทางการรักษาอาการปวดคอหลังตื่นนอนที่ดีที่จะช่วยให้คุณ บรรเทาอาการปวดเมื่อยต้นคอ เมื่อคุณนอนตกหมอน หรือ นอนผิดท่าแบบไม่ได้ตั้งใจ 

บรรเทาโรคกรดไหลย้อน ได้ง่ายๆ ด้วย “หมอน” ใบเดียว

โรคกรดไหลย้อน หรือ Gastroesophageal เป็นภาวะกรดไหลย้อนเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารรั่วไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหารอย่างต่อเนื่อง จากคอไปยังกระเพาะอาหารของคุณ กรดไหลย้อนเกิดขึ้นเนื่องจากวาล์วที่ส่วนปลายของหลอดอาหาร กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารปิดไม่สนิทเมื่ออาหารมาถึงกระเพาะ กรดไหลย้อนจะไหลย้อนกลับผ่านหลอดอาหารเข้าสู่ลำคอและปาก ทำให้ได้รับรสเปรี้ยว 

โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกคนในบางช่วงของชีวิต การมีกรดไหลย้อนและอาการเสียดท้องในบางครั้งอาจมีอาการไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าคุณมีอาการกรดไหลย้อนรุนแรง จนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ /  แนะนำการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่เพียงเพื่อบรรเทาอาการของคุณ แต่เนื่องจาก GERD สามารถนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงมากขึ้น แต่ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ แนวทางการบรรเทาโรคกรดไหลย้อนแบบใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งแพทย์ ง่ายๆด้วย “หมอน” ใบเดียว

ลักษณะอาการภาวะกรดไหลย้อน

อาการทั่วไปของกรดไหลย้อน

  1. มีอาการเสียดท้อง ปวดแสบ ปวดร้อนหรือรู้สึกไม่สบายที่อาจเคลื่อนจากท้องไปที่อก หรือแม้กระทั่งถึงคอ
  2. อาเจียน เป็นกรดรสเปรี้ยวหรือรสขมในลำคอหรือปากของคุณ

เช็ก 5 สัญญาณเตือนอาการกรดไหลย้อนเพิ่มเติมคลิกอ่าน

อาการอื่นๆ ของโรคกรดไหลย้อน ได้แก่:

  1. ท้องอืด
  2. อุจจาระเป็นเลือดหรือสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือด
  3. มีอาการเรอเปรี้ยว
  4. Dysphagia – ความรู้สึกของอาหารติดอยู่ในลำคอของคุณ
  5. สะอึกไม่หาย
  6. ลดน้ำหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ
  7. หายใจมีเสียงหวีดไอแห้งเสียงแหบ หรือเจ็บคอเรื้อรัง
ทำ 5 สิ่งนี้ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

การป้องกันโรคกรดไหลย้อนกับ 5 สิ่งที่ต้องทำตลอดทั้งวัน

ปรับไลฟ์สไตล์ของคุณให้เป็นวิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อน ผ่าน “กฎ 5 ข้อ” กับ 5 ประเด็นสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามในระหว่างวัน ระหว่างมื้ออาหาร และหลังมื้ออาหารของคุณ

แอคทีฟอยู่เสมอ

พยายามออกกำลังกายเป็นประจำ แม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็กล้าพูดเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน การลดน้ำหนักจะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

ห้ามสูบบุหรี่

สาเหตุสำคัญของการไหลย้อนคือ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร นิโคตินเป็นสารประกอบอัลคาลอยด์ชนิดหนึ่ง ไม่มีสี ซึ่งพบในต้นยาสูบทุกสายพันธุ์ สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ พยายามหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองในงานปาร์ตี้และงานอื่น ๆ ถ้าเป็นไปได้

อย่ากินมื้อดึก

อาจเป็นเรื่องยากหากคุณเป็นนกฮูกกลางคืนหรือไปงานสังสรรค์ แต่หากคุณไม่อยากประสบกับปัญหากรดไหลย้อน จงพยายามหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักหลังอาหารเย็นและเลือกของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ แทน

จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ของคุณ

ไม่ว่าจะเป็นไวน์กับอาหารค่ำ หรือเบียร์หลังเลิกงาน หรือแอลกอฮอล์ใด ๆ ก็ตาม ก็สามารถทำให้กรดไหลย้อนกับตัวคุณได้

อาหารรสจัด หรือมัน

การทานอาหารรสจัดหรือมันจะสร้างความระคายเคืองบริเวณหูรูดกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัดเช่นน้ำมะนาว น้ำส้ม และรสเผ็ดจัดเช่นพริก พริกไทย

ทำ 5 สิ่งนี้ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

แนวทางการรักษากรดไหลย้อนด้วยหมอนจาก Komfy

ในปัจจุบันเรามีนวัตกรรมสินค้าตัวใหม่ ๆ เข้ามาไม่ขาดสาย รวมถึงหมอนกันกรดไหลย้อนด้วย Komfy เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการพัฒนาสินค้าอย่าง “Kool Komfort Wave” หมอนบรรเทาอาการกรดไหลย้อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนโดยเฉพาะในขณะนอนหลับ ไม่สามารถนอนราบได้ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องการหายใจขณะนอนหลับของคุณได้ ด้วยดีไซน์ของหมอนเป็นทรงคลื่น ช่วยเติมเต็มส่วนโค้งเว้าของแผ่นหลัง บรรเทาอาการปวดหลัง และ เสริมด้วยหมอน Bambi เพิ่มความสบายในการนอนมากยิ่งขึ้น 

หมอน KOOL KOMFORT WAVE พัฒนาตามคำแนะนำของแพทย์

Komfy เราเข้าใจถึงปัญหาความทรมาน จากอาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืน โดยหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาที่ดีคือ การยกหัวให้สูง ซึ่งแพทย์แนะนำความสูงที่ประมาณ 12” เราจึงพัฒนาหมอน KOOL KOMFORT WAVE ขึ้นตามความสูงที่แพทย์แนะนำ เพื่อช่วยยกตัวของผู้นอนให้สูงขึ้น อยู่ในระนาบที่จะช่วยไม่ให้กรดย้อนขึ้นมาบริเวณที่หน้าอกปัญหาด้านสุขภาพไม่ใช่สิ่งเล็ก ๆ ที่เราจะไม่ดูแล เพราะถ้าหากเราไม่ดูแลรักษาตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ มันอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ จนสุดท้ายกลายเป็นโรคกรดไหลย้อนเรื้อรังได้ หากใครมีโอกาสที่ดูแลตัวเองได้ตั้งแต่ตอนนี้ เราขอเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะช่วยทำให้คุณจบปัญหากับโรคกรดไหลย้อนขณะที่นอนหลับ

วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อนด้วยหมอนใบเดียว

โรคออฟฟิศซินโดรม ที่มนุษย์ออฟฟิศ และ มนุษย์ WFH ต้องระวัง

โรคออฟฟิศซินโดรม เป็นที่มาของอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ที่มักพบได้บ่อยในคนที่ทำงานออฟฟิศหรือกลุ่มวัยทำงาน ที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน และยิ่งในปัจจุบันจากสถาการณ์โควิด 19 ระบาดหนักขึ้นทำให้หลาย ๆ บริษัทหันมา work from home หรือทำงานที่บ้านกันมากขึ้น แม้ว่าในช่วงแรก หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าความสุขของชีวิตการทำงานกำลังจะเข้ามา เพราะเราไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องไปเจอผู้คนมากมายในชั่วโมงเร่งด่วน และได้ทำงานแบบสบายอยู่ที่บ้านได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น กลับกลายเป็นเรากำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้ตัว เพราะเราอาจจะพบว่า ตัวเองเราเองนั้นใช้เวลาอยู่หน้าจอมากขึ้นกว่าปกติ ฉะนั้นมนุษย์ออฟฟิศทุกคนควรระวัง! เพราะอาการปวดหลังอาจไม่ได้มาจากออฟฟิศอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นเพราะ Work from Home ด้วยนะ 

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร?

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออาการปวดหลัง ที่ปวดในกระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อที่เกิดจากการนั่งหรืออยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน

สาเหตุออฟฟิศซินโดรม เกิดจากอะไร?

โดยส่วนใหญ่แล้ว ออฟฟิศซินโดรมจะเกิดขึ้นในขณะใช้งานคอมพิวเตอร์เวลาที่ทำงาน ความเจ็บปวดและความรุนแรงนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาในตอนแรก อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง โรคปวดหลัง โรคหมอนรองกระดูกสันหลัง และกระดูกสันหลังผิดปกติ ท่าทางและความสามารถในการทำงานหรือเคลื่อนไหวตามปกติของเราอาจได้รับผลกระทบ

โรคออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?

อาการของโรคออฟฟิศซินโดรมมีอะไรบ้าง

  • มีอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ 
  • ปวดหัว 
  • อาการชาที่นิ้วและแขน
  • ตาแห้ง
  • เวียนหัว
  • รู้สึกความเหนื่อยล้ากว่าปกติ

โดยอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมจะพบมากในอาการปวดคอและร่างกายส่วนบน ซึ่งหาเราเป็นโรคนี้มันจะสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และประสิทธิภาพการทำงาน ไม่เพียงแต่ในระหว่างการทำงาน แต่ยังรวมถึงคุณภาพชีวิตของคุณในยามว่างด้วย

โรคออฟฟิศซินโดรมจะมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุหลายปัจจัย ได้แก่ เค้าโครงพื้นที่ทำงานที่ไม่ถูกต้อง ความสูงของโต๊ะที่ไม่เหมาะสม การวางตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ถูกต้อง และการนั่งเป็นเวลานานจะทำให้เอนตัวไปข้างหน้า ทำให้กล้ามเนื้อคอและหลังยึดได้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจจะทำให้อาการปวดของเราพัฒนาไปสู่อาการออฟฟิศซินโดรม

วิธีการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม 

การจัดการกับปัญหาโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น

ท่านั่งแก้ปวดหลัง และการจัดที่นั่งทำงานให้เหมาะสม

  • วางตำแหน่งด้านบนของจอภาพไว้ด้านหน้าแนวสายตาของคุณ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าศีรษะของคุณตั้งตรงเหนือคอและไม่เอนไปข้างหน้าไปทางจอภาพ สิ่งนี้จะช่วยป้องกันอาการงอนและความเครียดที่กล้ามเนื้อคอของคุณ
  • ผ่อนคลายไหล่ของคุณ!
  • วางแขนท่อนล่างขนานกับพื้น
  • งอข้อศอกทำมุม 90-100 องศา ทำให้เกิด “รูปตัว L”
  • นั่งตัวตรงและพักบนพนักพิงหลังของเก้าอี้ ใช้ผ้าขนหนูม้วนหลังส่วนโค้งหลังส่วนล่างเพื่อรองรับหากจำเป็น
  • รักษาช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างเข่ากับเก้าอี้
  • เข่าอยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าสะโพกเล็กน้อย
  • วางเท้าราบกับพื้นหรือใช้ที่พักเท้าเพื่อยกขึ้นหากจำเป็น
  • รักษาน้ำหนักให้เท่ากันทั้งสองขาและเท้าหากอยู่ในท่ายืน
  • เปลี่ยนตำแหน่งของคุณหรือหยุดพักทุก ๆ 20 – 30 นาที! (ดูเคล็ดลับการออกกำลังกายของเราด้านล่าง!)

การขยับร่างกายผ่าน 4 ท่าในขณะที่นั่งทำงาน เพื่อเพิ่มช่วงพักการเคลื่อนไหวของคุณ

  1. การยืดคอ: ป้องกันอาการปวดคอและไหล่ตึง
  2. Seated Spine Twist: เพื่อคลายและยกกลางหลัง
  3. การยืดข้อมือ: เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมือแน่นขณะพิมพ์
  4. Seated Pigeon Stretch: เพื่อคลายและป้องกันสะโพกตึงและคลายหลังส่วนล่าง

ใช้หมอนรองหลัง

หรือหาก 2 วิธีข้างต้นอาจจะไม่ถูกใจใคร ๆ คน เราก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยคุณได้ง่าย ๆ ได้เช่นกัน นั่นคือ “หมอนตัว U” หรือ “หมอนรองหลัง Kool Komfort Kalm” ที่จะช่วยหนุนร่างกายในขณะที่เรานั่งทำงาน มีที่วางรองโน๊ตบุ้ค ดีไซน์รองรับตั้งแต่ช่วงแขนไปถึงการโอบแผ่นหลัง แน่นอนว่าหมอนใบนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาอาการปวดหลังได้อย่างแน่นอน และสบายยิ่งขึ้น ด้วยเนื้อผ้า K2 Kool นวัตกรรมการทอเส้นใยพิเศษที่ให้ความเย็นสบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่ว่าจะนั่งทำงานทั้งวัน หรือต่อด้วยการดูซีรีย์ก็รองรับบอกลาอาการปวดเมื่อย

บรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมได้ด้วยหมอนรองหลัง

ทำไมเราถึงใส่ใจในการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม?

สำหรับคนที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน อาจจะไม่รู้จักโรคนี้มากนักเท่าไหร่ แต่อยากจะบอกไว้เลยว่า แรก ๆ ของโรคออฟฟิศซินโดรมก็แค่ปวดกล้ามเนื้อ แต่พอเราปล่อยไว้นาน ๆ ขึ้นมันจะทำให้เราเองที่รู้สึกรำคาญกับอาการปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เพราะไม่มีใครคนไหนที่ชอบอยู่ในความเจ็บปวดหรอกจริงไหม หากเราไม่ระวังไว้ตั้งแต่เนิน ๆ เราอาจจะต้องรู้สึกไม่สบายอาจถึงขั้นที่เราต้องกินยาหรือทำกายภาพบำบัดกันเลยนะ!

แสบร้อนกลางอก” เช็ค 5 สัญญาณเตือนโรคกรดไหลย้อน

“แสบร้อนกลางอก หายใจไม่สะดวก เพราะกรดไหลย้อน” คำนี้หลายคนคงได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ อาการนี้เรียกได้ว่า ถ้าใครเป็นจะรู้สึกทรมานอยู่พอควร แน่นอนว่าไม่มีใครคนไหนที่อยากเป็นหรอกจริงไหมคะ โรคกรดไหลย้อนสามารถทำให้คุณทรมาน และเป็นเรื้อรัง ได้หากไม่ได้รับการรักษา 

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการรักษากรดไหลย้อนและแก้ปัญหาอาการแสบกลางอก หายใจไม่สะดวก แน่นหัวใจ พร้อม เช็ค 5 สัญญาณเตือนจากโรคกรดไหลย้อนว่าจะมีอะไรกันบ้าง

สาเหตุของภาวะกรดไหลย้อนเกิดจากอะไรบ้าง?

โรคกรดไหลย้อน หรือ GERD (Gastroesophageal reflux disease) เป็นโรคที่เกิดจากการไหลย้อนของสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหาร ที่ไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหาร โดยปกติหลังรับประทาน ร่างกายคนเราจะมีการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารอยู่บ้าง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคนี้จะมีปริมาณกรดที่ย้อนมากขึ้นหรือย้อนบ่อยกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรค 

ปัจจัยที่สามารถนำไปสู่โรคกรดไหลย้อน ได้แก่:

กดทับหน้าท้อง

สตรีมีครรภ์บางคนมีอาการเสียดท้องเกือบทุกวันเนื่องจากการกดทับที่เพิ่มขึ้นที่บริเวณหน้าท้องที่มากเกินไป นี่อาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุในการเกิดกรดไหลย้อน โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์

ทานอาหารแล้วนอน

การทานอาหารแล้วนอนเป็นหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน เนื่องจากการนอนจะทำให้หูรูดมีการทำงานที่ไม่ดี เกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นไปได้

อาหารรสจัดและมัน

อาหารบางประเภทเช่น นม อาหารรสเผ็ดหรือของทอด และนิสัยการกิน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออาการกรดไหลย้อน

ยา

ยาที่รวมถึงยาสำหรับโรคหอบหืด ความดันโลหิตสูง และภูมิแพ้ เช่นเดียวกับยาแก้ปวด ยากล่อมประสาท และยาต้านอาการซึมเศร้า

ไส้เลื่อนกระบังลม 

การเป็นไส้เลื่อนกระบังลม ส่วนบนของกระเพาะจะนูนเข้าไปในไดอะแฟรม ขัดขวางการรับประทานอาหารตามปกติ

อาการกรดไหลย้อนที่พบบ่อยที่สุดคือ:

5 อาการกรดไหลย้อน

1. คลื่นไส้อาเจียนตอนเช้า

โรคกรดไหลย้อน กรดในกระเพาะอาหารจะกลับไปที่ปากและหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และรสเปรี้ยวในปากที่ไม่ดี ซึ่งมักเกิดขึ้นในตอนเช้า เนื่องจากมีช่องว่างยาวระหว่างอาหารเย็นกับอาหารเช้าในเช้าวันรุ่งขึ้น

2. มีอาการเสียดท้องอยู่บ่อย ๆ  

หากคุณมีอาการเสียดท้องมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นประจำ รับรองว่าอาการนี้ไม่ปกติ โดยเริ่มจากบริเวณหน้าท้องและขยายไปถึงลำคอ อาการเสียดท้องมักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหาร

3. อาการไอแห้งเรื้อรัง หรือ เสียงแหบ

นอกจากอาการเสียดท้องแล้ว หากมีอาการไอโดยไม่ทราบสาเหตุและรุนแรงขึ้นในตอนกลางคืน นั่นมีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเป็นโรคกรดไหลย้อน เพราะอาการไอแห้งเรื้อรังเป็นหนึ่งในอาการหลักของโรคนี้ รวมถึงหากมีอาการกรดไหลย้อน ย้อนเข้าสู่กล่องเสียงของคุณ นั่นก็อาจจะทำให้คุณเกิดอาการเสียงแหบและเจ็บคอโดยไม่มีเหตุผลชัดเจนได้เช่นกัน

4. อาการเจ็บหน้าอก

อาการปวดที่เริ่มสูงขึ้นในช่องท้องเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งของโรคกรดไหลย้อน อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้สึกเจ็บที่หน้าอกเพิ่มขึ้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

5. กลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์

แม้ว่าคุณจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ หากคุณใช้มินต์และหมากฝรั่งเพื่อกลบกลิ่นปากเป็นประจำ อาจเป็นกรณีของโรคกรดไหลย้อนได้ เนื่องจากมีกรดไหลย้อนขึ้นมา อาจทำให้คุณมีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ 

กรดไหลย้อนเรื้อรัง พบได้บ่อยแค่ไหน?

โรคกรดไหลย้อนถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก เพราะสามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย แต่หากคุณมีแนวโน้มที่น้ำหนักเกินหรืออ้วน อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ มีการสูบบุหรี่หรือสัมผัสกับควันบุหรี่มือสองเป็นประจำ รวมถึงการใช้ยาบางชนิดที่อาจทำให้เกิดกรดไหลย้อน นั่นแปลว่าคุณอาจจะมีความเสี่ยงที่เป็นโรคกรดไหลย้อนมากกว่าคนปกติทั่วไป

วิธีบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

ท่านอนคนเป็นกรดไหลย้อน

ท่านอนคนเป็นกรดไหลย้อนที่จะแนะนำ คือการนอนนอนตะแคงซ้าย เพราะท้องของคุณอยู่ใต้หลอดอาหาร ซึ่งทำให้กรดไหลย้อนยากขึ้น หากกรดในกระเพาะหลุดออกมา แรงโน้มถ่วงสามารถคืนกรดในกระเพาะอาหารได้เร็วกว่าเมื่ออยู่ทางด้านขวาหรือบนหลังของคุณ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ด้านซ้ายมักจะเป็นด้านที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงให้เกิดอาการกรดไหลย้อน 

นอกจากนี้การยกศีรษะของเตียงให้สูงขึ้น หรือหาหมอนที่ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนอย่าง หมอน Kool Komfort Wave หรือหมอนกันกรดไหลย้อน ที่จะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนโดยเฉพาะในขณะนอนหลับ ที่ไม่สามารถนอนราบได้ เพราะตัวหมอนรุ่นนี้จะช่วยยกตัวของผู้นอนให้สูงขึ้น อยู่ในระนาบที่จะช่วยไม่ให้กรดย้อนขึ้นมาบริเวณที่หน้าอก ผสมรวมกับการนอนในท่านอนกรดไหลย้อนควบคู่กันก็จะช่วยให้คุณจบปัญหาอาการกรดไหลย้อนได้ง่าย ๆ 

ท่านอนกรดไหลย้อน ช่วยบรรเทาอาการได้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตบางอย่างมีประโยชน์อย่างมากในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อนและอาการของโรคกรดไหลย้อน เช่น การรักษาน้ำหนัก และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง การรับประทานอาหารมื้อเล็กและบ่อย ไม่กินเผ็ดหรืออาหารที่เลี่ยนเกินไป 

ถ้าหากคุณมีอาการแสบร้อนกลางอก หายใจไม่สะดวก และคาดว่าจะเป็นสาเหตุจากอาการกรดไหลย้อน ลองหมั่นเช็กพฤติกรรมของคุณตามรายละเอียดข้างต้น และอย่าละเลยกับโรคนี้ ดูแลรักษาตัวคุณเองตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม

วิธียืดอายุหมอนนอนหลับสบาย เพื่อการนอนอย่างมีประสิทธิภาพ

หมอนนอนหลับสบายคงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนใช้เป็นเพื่อนคู่ใจในยามพักผ่อน แต่ก็เหมือนกับของชิ้นอื่นๆ ภายในบ้าน ที่ย่อมมีวันหมดอายุ เพื่อสุขอนามัยที่ดี และเพื่อยืดอายุการใช้งานของหมอนให้เพิ่มประสิทธิภาพการนอนด้วยหมอนนอนหลับสบาย เราเลยขอแนะนำเคล็ดไม่ลับง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ มายืดอายุหมอนใบโปรดให้อยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น!

 เคล็ดไม่ลับยืดอายุหมอนให้นานที่สุด

เพราะคนเราใช้เวลาบนที่นอนมากกว่า 1 ใน 3 ของชีวิตกันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเราจะซื้อที่นอนคุณภาพดีสมราคา หรือปลอกหมอนคุณภาพดีเพียงใด แต่หากรักษาไม่ถูกต้อง ก็อาจจะกลายเป็นแหล่งสะสมเพาะพันธ์เชื้อโรค และก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองของผิวหนัง และรักษารูปทรงของหมอนให้คงประสิทธิภาพสูงสุด เรามีข้อแนะนำ ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการหนุนหมอนโดยตรง แต่ควรใช้ปลอกหมอนด้วย

การใช้ปลอกหมอนจะช่วยยืดอายุของหมอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อเป็นสิ่งที่สัมผัสกับใบหน้าโดยตรง เราก็ควรเปลี่ยนปลอกหมอนอย่างต่ำทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันปัญหาไรฝุ่น และเชื้อแบคทีเรียที่จะสะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสิว และโรคภูมิแพ้ต่อไป

2. ทำความสะอาดหมอนทุกเดือน

เชื้อโรคจากหมอน รวมถึงเชื้อโรคจากที่นอน ไม่ใช่แค่ภัยร้ายที่แฝงตัวเป็นเพื่อนสนิทอยู่ทุกคืน แต่ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้นอนหลับไม่สนิทอีกด้วย รู้หรือไม่!? แม้ว่าจะซักปลอกหมอนแล้ว แต่เราก็ควรที่จะทำความสะอาดหมอนทุกเดือน โดยทั่วไปหลายๆ คนอาจจะนำหมอนตากแดด หรือซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 40-60 องศาเซลเซียสขึ้นไป สาเหตุที่ใช้น้ำร้อนก็เพราะประสิทธิภาพที่ฆ่าเชื้อโรคได้ดีกว่าน้ำเย็น โดยหมอนKomfyสามารถตากแดดอ่อนๆได้ แต่ไม่ควรซักในน้ำร้อน ซึ่งวิธีนี้ยังขจัดคราบที่ตกค้างได้ดีกว่าอีกด้วย แต่เนื่องจากหมอนมีหลายประเภท การทำความสะอาดก็ย่อมแตกต่างกัน

  • หมอนยางพาราไม่สามารถนำไปสัมผัสแสงอาทิตย์จัดๆ หรือเอาวางไว้ในบริเวณห้องที่แดดส่องถึง เพราเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำร้ายหมอน บั่นทอนประสิทธิภาพลง ซึ่งวิธีการทำความสะอาดควรที่จะซักด้วยมือ และด้วยน้ำอุ่นผสมสบู่อ่อนๆ พร้อมขัดถูบริเวณคราบสกปรก หลังจากนั้นก็ซับให้แห้ง เพื่อเอาความชื้นส่วนเกินออก และนำไปตากลม ซึ่งข้อสำคัญก็คืออย่าให้ถูกแสงแดดโดยตรงโดยเด็ดขาด
  • หมอนเม็ดโฟม ไม่สามารถซักได้โดยเครื่องซักผ้า ทำได้แค่ถอดปลอกหมอนมาซัก โดยตัวโฟมสามารถทำความสะอาดได้โดยเครื่องดูดฝุ่น และใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดคราบต่างๆ และล้างออกด้วยน้ำเปล่า ก่อนจะซับเอาความชื้นออก และนำไปตากให้แห้ง
  • หมอนขนเป็ด สามารถซักได้โดยเครื่องซักผ้า แต่ควรเป็นเครื่องซักผ้าประเภทที่ไม่มีแกนกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียรูปทรงของหมอน และเมื่อซักแล้ว ควรอบแห้งอย่างต่ำ 5 ชั่วโมง
หมอนนอนหลับสบาย

3. เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน

บางคนอาจจะคิดว่าหมอนก็แค่สิ่งที่เอาไว้หนุนนอน แต่หมอนมีความสำคัญมากกว่านั้น หมอนที่ดี มีคุณภาพจะเป็นหมอนหลับสนิทสำหรับคุณ และเมื่อคุณลืมตาตื่นจะรู้สึกสดชื่น แต่หากคุณตื่นขึ้นมาแล้ว รู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว อาจจะเป็นเพราะว่าหมอนของคุณหมดอายุการใช้งานและเสื่อมคุณภาพแล้ว ซึ่งปกติแล้วอายุเฉลี่ยของหมอนอยู่ที่ 3 ปี หากคุณรู้สึกนอนหลับไม่เต็มตื่นอาจเป็นเพราะเครื่องนอนเสื่อมสภาพจึงส่งผลต่อการนอนของคุณนั่นเอง

หมอนนอนหลับสบาย

อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนหมอนก็ควรเลือกหมอนที่ดีที่จะเป็นหมอนที่หลับสบายที่สุด ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นหมอนที่เลือกวัสดุดีๆ เฉกเช่นหมอนจาก Komfy ที่ใช้วัสดุระดับพรีเมียมทั้งเส้นใยฝ้ายพิเศษที่ผ่านกระบวนการทออย่างแน่นหนา แต่ยังถ่ายเทอากาศได้ดี แถมยังช่วยป้องกันไรฝุ่นและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้ต่างๆ และยังตอบโจทย์การนอนของคุณที่สุดเช่นกันด้วยประเภทของหมอนซึ่งแบ่งตามลักษณะการนอน เช่น หากชอบหนอนหงาย ก็ควรเลือกหมอน Komfy รุ่น Kool Kraft ออกแบบพิเศษเพื่อคนนอนหงายโดยเฉพาะไม่ส่งให้ศีรษะไปทางด้านหลัง หรือก้มมากเกินไป สามารถเลือกระดับหมอนให้นิ่มได้ และหากชอบนอนตะแคง หมอนนอนตะแคง Komfy รุ่น Kool Kreme ก็ตอบโจทย์ได้ดี ออกแบบมาเพื่อช่วยรองรับสรีระของร่างกายไม่ให้เกิดการกดทับที่ใบหู และไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคตามมา ซึ่งการเลือกหมอนให้เหมาะสมกับการนอนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลต่อสุขภาพ และแก้ปัญหาปวดเมื่อยได้ตรงจุดที่สุด

เลือกหมอนลดความเมื่อยล้าอย่างไรแก้ปัญหาปวดเรื้อรังคนออฟฟิศ

หลายๆ คนคงนึกไม่ถึงว่าหมอนลดความเมื่อยล้าจะสามารถบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นโรคฮอตฮิตติดชาร์ตสำหรับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศในพ.ศ.นี้ ด้วยปัจจัยจากพฤติกรรมในการทำงานในปัจจุบัน ทั้งการทำงานในพื้นที่จำกัด การนั่งผูกติดกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ด้วยท่าทางเดิมๆ หรือแม้กระทั่งการนั่งหลังค่อมโดยไม่รู้ตัว รวมไปถึงความเครียดจากการทำงาน ก่อให้เกิดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ โดยหมอนลดความเมื่อยล้าเข้ามามีบทบาทปรับท่านอนให้ถูกต้อง แก้ปัญหาที่จุดเริ่มต้นของปัญหา ก่อนจะเรื้อรังไปยังที่ทำงาน โดยที่หลาย ๆ คนคิดว่าแค่กินยาเดี๋ยวก็หาย หรือไปนวดเดี๋ยวก็หาย แต่ผลร้ายไม่ได้มีเพียงแค่อาการปวดดังกล่าวเท่านั้น แต่อาการดังกล่าวอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออะไร?

ออฟฟิศซินโดรม หรือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังพืด (Myofascial Pain Syndrome : MPS) เป็นโรคปวดกล้ามเนื้อและอาการทางประสาทอัตโนมัติที่มีผลมาจากจุดปวดในกล้ามเนื้อและเยื่อผังพืด ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคและอาการต่างๆ ทั้งต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบการย่อยอาหาร ระบบนัยน์ตาและการมองเห็น รวมไปถึงระบบอื่นๆ เช่น กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง (myofascial pain syndrome), เอ็นรัดข้อมืออักเสบกดทับเส้นประสาท (carpal tunnel syndrome), อาการตึงของเส้นประสาท (nerve tension), กล้ามเนื้อบริเวณแขนท่อนล่างด้านนอกอักเสบ (tennis elbow), นิ้วล็อก (trigger finger), หรืออาการหลังยึดติดในท่าแอ่น (back dysfunction)

หมอนลดความเมื่อยล้า

อาการแบบไหนคือลักษณะของโรคยอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ?

  • มีอาการปวดร้าวลึกๆ ของกล้ามเนื้อ ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย อาจปวดตลอดเวลา หรือปวดเฉพาะเวลาทำงาน
  • ความรุนแรงของการปวดเริ่มต้นตั้งแต่อาการเมื่อยล้า จนทำให้เกิดความรำคาญในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ไปจนถึงปวดทรมานจนไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดได้ ก่อให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน
  • บางรายอาจมีอาการชานิ้วมือ และชาบริเวณขาและเท้าร่วมด้วย
  • บางรายมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง ไมเกรน อาการนอนไม่หลับ ผสมด้วย
  • ก่อให้เกิดความผิดปกติของโครงสร้างของร่างกาย เช่น กระดูกสันหลังคด ระดับไหล่สองข้างไม่เท่ากัน ขาสั้น ยาวไม่เท่ากัน ก่อให้เกิดภาวะการทำงานของกล้ามเนื้อไม่สมดุลกัน กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดของกล้ามเนื้อตามมา
หมอนลดความเมื่อยล้า

อาการแบบไหนที่ “ไม่ใช่” อาการของโรคมนุษย์ทำงานนี้?

 หลายๆ คนเมื่อมีอาการปวดหลัง ปวดเมื่อย รู้สึกตึงกล้ามเนื้อ ก็มักจะคิดไปแล้วว่าตัวเองต้องเป็นเจ้าโรคยอดฮิตของหนุ่มาวออฟฟิศแน่ ๆ แต่แท้จริงแล้วอาการปวดบางอย่าง ไม่ใช่อาการของโรคคนทำงานนี้ แต่เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจเป็นโรคร้ายแรงอย่างโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทแทน ซึ่งหากคุณมีอาการเช่นนี้ ต้องพิจารณาแล้วว่าอาจเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทแทนก็เป็นได้!

  • มีอาการปวดหลังยาวนานมากกว่า 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หากมีการกดทับเส้นประสาทบริเวณเอว จะมีอาการปวดหลังร้าวลงขา อาจเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจมีอาการทั้งสองข้าง หากปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนักขึ้น กล้ามเนื้อขาจะอ่อนแรง ไม่สามารถควบคุมการเดินและการขับถ่ายได้
  • หากมีการกดทับเส้นประสาทบริเวณต้นคอ จะมีอาการปวดคอร้าวลงแขน โดยอาจมีอาการแขนอ่อนแรง หรือชา จนอาจก่อให้เกิดการไม่สามารถควบคุมการใช้มือได้
  • เวลาไอ จาม หรือเบ่ง จะรู้สึกปวดลึก เนื่องมาจากสาเหตุการเกิดแรงดันในไขสันหลัง
หมอนลดความเมื่อยล้า

พฤติกรรมแบบไหนที่ควรเปลี่ยนเพื่อหลีกเลี่ยงโรคของกลุ่มคนที่ทำงานในออฟฟิศรวมถึงโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท?

  • ยืดเส้นยืดสายบ่อยๆ เนื่องมาจากสาเหตุที่อาการของโรคเหล่านี้เกิดจากการอยู่ในท่าเดิมนานๆ จึงควรพักร่างกายบ้าง อย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมง และขณะพักควรลุกขึ้นขยับร่างกาย ขยับแขน ขา พร้อมยืดเส้นยืดสาย เพื่อเป็นการพักร่างกาย ไม่ให้กล้ามเนื้อ หรือเส้นตึงเกินไป จนก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด
  • ป้องกันหรือแก้ออฟฟิศซินโดรมด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง รวมไปถึงความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยทำให้อาการเสี่ยงของการก่อให้เกิดโรคดังกล่าว รวมถึงโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทลดน้อยลง แต่ไม่ควรเลือกการออกกำลังกายที่เอ็กซ์ตรีมจนเกินไป เพราะการบิดตัวอย่างกระทันหันและรวดเร็ว มีส่วนทำให้หมอนรองกระดูกเกิดอาการเสื่อมเร็วมากขึ้น เสี่ยงก่อให้เป็นโรคหมอนรองกระดูกอักเสบเช่นกัน
  • ปรับลักษณะการนั่งและการนอนให้ถูกต้อง รวมไปถึงการปรับอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตให้เหมาะกับศีรษะ ยกตัวอย่างเช่น เก้าอี้ หรือการจัดวางคอมพิวเตอร์ ควรปรับองศาให้พอดี เพราะมีผลต่อท่านั่ง และส่งผลต่อการขยับตัวที่ต้องยกตัว เอนตัว หรือโน้มตัวจนเกินไป รวมไปถึงการนอน เช่นการนอนคว่ำ จะทำให้กระดูกสันหลังแอ่นมากผิดปกติ ก่อให้เกิดอาการปวดคอและปวดหลัง รวมไปถึงการนอนขดตัว ที่ทำให้กระดูกสันหลังบิดงอผิดรูป รวมไปถึงการนอนตะแคงที่กดทับอวัยวะบางส่วน นอกจากนี้การเลือกหมอนก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงหมอนสูง และไม่ควรใช้หมอนที่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อท่านอนที่ผิด และก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
หมอนลดความเมื่อยล้า

หมอนดีๆ ตัวช่วยลดความเมื่อยล้า

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในชีวิตของคนเรา มักจะใช้เวลาในการทำงานมากกว่าทำกิจกรรมอื่นๆ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆ คน จึงไม่แปลกที่หลายๆ คนจะหาตัวช่วยเพื่อมาป้องกัน รวมไปถึงบรรเทาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง หรือหาอุปกรณ์มาเป็นตัวช่วยเพื่อปรับเปลี่ยนบุคลิก เพื่อหลีกเลี่ยงในการเป็นโรคร้าย ซึ่งอาจลุกลามไปยังโรคหมอนรองกระดูกอักเสบเช่นกัน

หมอนลดความเมื่อยล้า


อุปกรณ์ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ใช้ และได้ผลดี ที่เราขอแนะนำคงหนีไม่พ้น หมอน ที่ใช้ได้ในการทำงาน รวมไปถึงการนอน ซึ่งหมอนที่ควรใช้ในการทำงาน ควรเป็นหมอนที่ลดแรงกดทับอย่างมีประสิทธิภาพ


หมอนพิงหลัง Kool Komfort Kalm เป็นหมอนระบายอากาศดีสามารถใช้พิงหลังได้ที่ออกแบบมาเพื่อการรองรับตั้งแต่ช่วงแขนไปถึงการโอบหลัง โดยมีไอเดียในการผลิตเกิดมาจากการสร้างสรรค์ของคนชอบนั่งอ่านหนังสือจนปวดหลัง สู่การดีไซน์หมอนแบบใหม่ที่เป็นได้ทั้งหมอนนั่งพิงหลัง และมีที่พักแขนในตัว ช่วยลดปัญหาอาการปวดหลัง ปวดคอ จากการนั่งอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ

หมอนลดความเมื่อยล้า


ไม่เพียงแต่จะเหมาะกับการนั่งทำกิจกรรมเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้กับการนอนพักผ่อน ที่จะช่วยทั้งจัดท่านอนและสรีระให้อยู่ในช่วงท่าที่ถูกต้อง และเป็นท่านอนแก้ปวดไหล่ โดยเฉพาะกับคนที่ชอบนอนตะแคงข้าง วางแขนแนบขนาดไปกับลำตัว หรือกับบางคนที่นอนตะแคงข้างกอดหมอนเพื่อให้รู้สึกเหมือนถูกกอด ถือว่าเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพและฮิตสำหรับใครหลายๆ คน เพราะท่านอนลักษณะนี้ช่วยรักษาแนวกระดูกสันหลัง และคอให้ตรงตลอดคืน ป้องกันอาการปวดเมื่อยคอและหลังได้ แถมยังช่วยลดอาการกรน ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน และผู้หญิงมีครรภ์อีกด้วย


ไม่ใช่เฉพาะพนักงานออฟฟิศที่เสี่ยงกับการเป็นโรคดังกล่าว แต่ยังรวมถึงคนธรรมดาทั่วๆ ไปที่ใช้งานร่างกายหนัก ด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น พนักงานขับรถ พนักงานยกของ พนักงานช่างต่างๆ ที่ต้องใช้งานกล้ามเนื้อ หรือทำงานในท่าเดิม ไม่ว่าจะนั่ง หรือยืน ติดต่อกันเป็นเวลายาวนานหลายชั่วโมง และมีการก้ม เงย บิด อวัยวะทั้งหลัง หรือคอ เป็นเวลานาน ซึ่งหากเริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามบริเวณต่างๆ อย่าปล่อยปละละเลย ควรสังเกตพฤติกรรมของตัวเองว่าอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นมาจากกิจกรรมใด และควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อรักษาอาการปวดให้หายขาด และป้องกันตัวเองจากโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ได้

เผยเคล็ดลับท่านอนที่ถูกต้องที่ช่วยให้หลับง่ายและหลับสนิทกว่าเคย

ท่านอนที่ถูกต้องส่งผลกับการดำรงชีวิตประจำวันมากกว่าที่คิด จากการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของใครหลายๆ คน ทั้งการงานและกิจการที่ทำอาจสะสมความเครียด ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จนส่งผลต่อการนอน กลายเป็นปัญหาการนอนที่เริ้อรัง แต่รู้หรือไม่ว่า แค่เปลี่ยนท่านอนให้กลายเป็นท่านอนที่ถูกต้องก็จะช่วยให้การนอนของคุณไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

7 ท่านอนเพื่อการพักผ่อนที่เต็มอื่ม

1. ท่านอนหงาย

ท่านอนสุดคลาสสิคและดีที่สุดในการนอน ซึ่งการนอนหงายจะดีก็ต่อเมื่อเรามีหมอนจัดท่านอนที่ดี ที่ช่วยให้ระดับของศีรษะ ลำคอ และหลังอยู่ในแนวตรง ฉะนั้นควรใช้หมอนที่ไม่สูงมากเพื่อให้ตัวเรานอนเป็นแนวราบที่สุด

2. นอนหงายมีหมอนเล็กรองคอ แก้ปวดหัว

หากตอนตื่นนอนแล้วรู้สึกปวดหัวทุกครั้ง ลองเพิ่มหมอนนอนหงายเล็กๆ อีกใบ มารองช่วงต้นคอดู เพราะจะช่วยทำให้คุณนอนหลับสนิทมากขึ้น และยังแก้ปัญหาการปวดหัวในตอนตื่นนอนอีกด้วย

3. นอนหงายโดยมีหมอนรองใต้เข่า

สำหรับท่านไหนที่มีแนวกระดูกสันหลังที่คดหรือผิดรูป การนอนท่าหงาย อาจเพิ่มอาการปวดหลังอีกด้วย เนื่องจากส่วนโค้งของแนวกระดูกถูก ที่ถูกกดทับจากน้ำหนักตัวตลอดทั้งคืน วิธีการแก้ง่ายนิดเดียวเพียงนำหมอนใบเล็กวางใต้เข่าขณะนอนหลับ จะช่วยให้แนวกระดูกสันหลังตรงขึ้น

และสำหรับ สาวๆ ที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน และมีอาการปวดท้อง ลองหาหมอนใบเล็กๆ สักใบมารองช่วงใต้หัวเข่าเพื่อช่วยลดอาการปวดท้องของคุณ แม้ว่าการนอนหงายปกติจะเป็นท่านอนที่ถูกต้อง แต่ก็ทำให้กระดูกสันหลังจะอยู่ในลักษณะที่โค้งมากเกินไป อาจทำให้เรายิ่งปวดท้องประจำเดือนมากขึ้น

4. นอนตะแคงขวา ช่วยย่อยอาหาร

สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย แนะนำให้ลองนอนหนุนหมอนที่ช่วยให้หลับสนิทสักใบซึ่งมีหมอนข้างจัดท่านอนตะแคงขวาอย่างหมอน q Pillow ของ Komfy ที่เป็นหมอนมีหมอนข้างในตัว จะช่วยกระชับและหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะการนอนท่านี้จะมีส่วนช่วยให้อาหารจากกระเพาะถูกย่อยได้อย่างดี แต่การนอนท่านี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องระบบหายใจนอนท่านี้นะ

5. นอนตะแคงซ้าย แก้ปวดหลัง

หลังจากนอนตะแคงขวา เพื่อช่วยในระบบย่อยอาหารแล้ว ลองเปลี่ยนมานอนตะแคงซ้ายเพื่อลดอาการปวดหลังกันดูบ้าง เพียงแค่หาหมอนหนุนคอสักใบ พร้อมหมอนข้างที่ช่วยนอนตะแคงซ้ายขนาดกำลังดีอีกหนึ่งใบ เท่านี้คุณก็จะมีความสุขกับการนอนและตื่นมาอย่างสดใส โดยไม่ปวดหลังแล้ว และแน่นอนว่าหมอน q Pillow by Komfy ก็สามารถตอบโจทย์นี้เช่นกัน

6. นอนตะแคงขวาและงอเข่า แก้ปวดไหล่

สำหรับใครที่มีอาการปวดไหล่เรื้อรัง แนะนำให้ลองเปลี่ยนท่านอนเป็นการนอนตะแคงทางขวา พร้อมงอเข่าขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมหมอนดีๆ และหมอนข้างสักหนึ่งใบ เท่านี้อาการปวดไหล่เรื้อรังของคุณก็ทุเลาลงแล้ว

7. นอนขดตัว แก้นอนกรน

สำหรับคนที่มีปัญหานอนกรนหนักๆ แนะนำการนอนขดตัว เพราะท่านี้เป็นท่านอนที่ช่วยลดปัญหาการนอนกรนได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะต้องหาหมอนจัดท่านอนที่มีประสิทธิภาพที่ดีสักนิด เพื่อช่วยรองรับลำคอและช่วยให้เราหายใจได้อย่างสะดวก

เมื่อได้รับรู้ถึง 7 ท่านอนที่ใช่แล้ว แล้วอย่าลืมหาหมอนที่ใช่มาจัดท่านอนที่ชอบดีๆสักใบ มาใช้เป็นตัวช่วยให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังไม่รู้ว่าหมอนยี่ห้อไหนดี เราขอแนะนำ Komfy หมอนเพื่อสุขภาพ ที่มีทั้งหมอนนอนหงายเพื่อสุขภาพอย่าง Signature Krafted หรือ Signature Kool หรือจะเป็นหมอนตัว q หรือ q Pillow ที่สามารถนอนกอดจัดท่านอนตะแคงได้อย่างสบาย ก็ตอบโจทย์ได้ครบในที่เดียว