ท่านอนคนท้องที่ดีที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่เดือนแรก – เดือน 9

ตั้งแต่รู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในร่างกายเรา ท่านอนที่เคยนอนก็เปลี่ยนไป เพราะไม่ใช่ว่าคนท้องจะนอนท่าไหนก็ได้ หากแต่ท่านอนคนท้อง อาจจะไม่ได้เหมือนกับคนทั่วไปมาก เราจะต้องคำนึงถึงเด็กน้อยที่อยู่ในท้องเราตลอดเวลาเพราะบางท่านอน เช่น ท่านอนคว่ำก็อาจจะไม่ได้ดีต่อเด็กในท้องเสมอไป บางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า คนท้องห้ามนอนหงาย ฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึง ท่านอนที่นอนสบายไม่ทับลูกน้อย ท่านอนคนท้องที่ดีที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่กัน

คนท้องควรนอนท่าไหนที่เหมาะกับลูกน้อยในครรภ์ 

คนท้องนอนตะแคงซ้าย เหมาะที่สุด!

การนอนตะแคงซ้ายมักเป็นท่านอนที่ “เหมาะสม” ที่สุดในระหว่างตั้งครรภ์ การวางตำแหน่งตัวเองไว้ที่ด้านซ้ายของร่างกายช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี เส้นเลือดใหญ่จะขนานกับกระดูกสันหลังของคุณทางด้านขวาและนำเลือดไปยังหัวใจของคุณและย้อนกลับไปหาลูกน้อยของคุณ

นอกจากนี้การนอนตะแคงซ้ายจะยังช่วยลดแรงกดทับจากตับและไตของคุณด้วย ซึ่งหมายความว่ามีพื้นที่มากขึ้นในการทำงานอย่างถูกต้อง ช่วยลดปัญหาการบวมที่มือ ข้อเท้า และเท้า

คนท้องนอนตะแคงขวาได้ไหม?

ถ้าการนอนตะแคงซ้ายคือท่าที่เหมาะสม คุณแม่ทุกคนควรหันมานอนตะแคงซ้ายตลอดเลยหรือไม่? หรือ คนท้องนอนตะแคงขวาได้ไหม?คำตอบคือ ไม่จำเป็นเสมอไป คนท้องสามารถนอนตะแคงขวาได้ การนอนตะแคงไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย หรือ ด้านขวา ล้วนมีความปลอดภัยต่อเด็กในท้องอย่างแน่นอน แต่บางครั้งการนอนตะแคงขวาก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงของ IVC (Inferior vena cava) หรือ เส้นเลือดอินฟีเรียเวนาคาวา คือเส้นเลือกที่รับเลือดดำจากร่างกายส่วน ลำตัว และ ขา ไหลเข้าสู่หัวใจห้องบนขวา แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่อันตรายมาก ฉะนั้น คุณแม่ทั้งหลายสามารถเลือกนอนได้ทั้ง 2 ด้าน

ท่านอนคนท้องที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยในแต่ละเดือน 

สำหรับคุณแม่ที่ท้อง 3 เดือนแรก

คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ ท่านคนอาจจะสงสัยว่า คนท้องนอนหงายได้ไหม? โดยทั่วไปตำแหน่งการนอนของการท้องในระยะแรกอาจจะยังไม่ใช้ปัญหาที่ใหญ่มากนัก เพราะสามารถนอนได้ง่ายในทุก ๆ ท่านอน ไม่ว่าจะเป็นท่านอนหงาย  หรือท่านอนคว่ำ แต่หากรู้สึกนอนไม่สบายตัว ก็สามารถนำหมอนมารองระหว่างขาได้ ก็จะช่วยเบาเทาอาการไม่สบายตัวของคุณได้  

สำหรับคุณแม่ที่ท้อง 3-6 เดือน

เมื่อท้องของคุณเริ่มโตขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ในช่วงอายุครรภ์ 5 เดือน คุณอาจจะต้องการหาหมอนตั้งครรภ์ เพื่อให้เข้ามาช่วยรองรับตัวคุณในขณะที่คุณนอนตะแคง คุณสามารถวางหมอนตามแนวหลัง หรือ แนวหน้าท้องของคุณในขณะนอนหลับเพื่อให้คุณและลูกน้อยสามารถนอนได้ง่ายและสบายมากขึ้น

สำหรับคุณแม่ที่ท้อง 6-9 เดือน

และในช่วงสุดท้ายของคุณแม่ท้องแก่ สำหรับท่านอนคนท้อง 8 เดือน ถึง 9 เดือน แน่นอนว่าคุณจะยังคงใช้หมอนรองครรภ์เพื่อรองรับลูกน้อยอยู่ แต่ถ้าหากคุณเริ่มรู้สึกว่ามันไม่โอเคแล้ว แนะนำให้คุณนำหมอนมารองใต้ท้องติดไว้ในขณะที่นอนหลับได้เลย เพื่อไม่ให้ท้องคุณกลิ้งไปมา และถ้าหากคุณยังไม่คุ้นเคยกับการนอนตะแคง คุณอาจจะต้องลองใช้หมอนหนุนร่างกายในส่วนบนให้เป็นมุม 45 องศา วิธีนี้จะทำให้หลังของคุณไม่แบนราบแนบไปกับเตียง อีกทั้งยังช่วยเรื่องการกดทับจาก IVC อีกด้วย 

ท่านอนคนท้อง 3 เดือน 6 เดือน และ 9 เดือน

ท่านอนคว่ำ สำหรับคนท้องเหมาะสมไหม?

ในช่วงที่ท้อง 4-9 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกมีการเติบโต และท้องเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากท่านอนคว่ำจะทำให้แม่หายใจลำบากแล้ว ยังเป็นการกดทับบริเวณมดลูก อาจเป็นอันตรายต่อทารกที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ภายใน ท่านอนคว่ำจึงเป็นท่าที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับคนท้อง แต่ถ้าหากต้องการนอนคว่ำจริง ๆ อาจจะต้องพิจารณาเลือกใช้หมอนที่มีรูตรงกลางเพื่อลดแรงกดดันลงไปที่หน้าท้อง

หมอนตั้งครรภ์จำเป็นแค่ไหน ทำไมต้องถึงต้องใช้?

เมื่อร่างกายของคุณเปลี่ยนแปลงและเติบโตในระหว่างตั้งครรภ์ คุณอาจพบว่าการปวดตามร่างกายทำให้คุณตื่นตัว นอกจากนี้ คุณยังควรนอนตะแคงซึ่งอาจไม่ใช่ท่านอนที่คุณถนัด ทั้งหมดนี้สามารถทำให้การพักผ่อนยากขึ้นเมื่อคุณต้องการมากที่สุด

หมอนคนท้องได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับคุณและร่างกายของคุณ คุณจึงสามารถนอนหลับในท่าที่ปลอดภัยขณะตั้งครรภ์ เมื่อซื้อหมอนสำหรับตั้งครรภ์ คุณอาจเจอแบบ “C” และ “U” รุ่นรูปตัวยูจะรองรับทั้งด้านหลังและด้านหน้าของคุณ แต่จะใช้พื้นที่เตียงมากกว่า 

ในอีกทางหนึ่ง หมอนรูปตัว C จะใช้พื้นที่น้อยกว่าเล็กน้อย แต่ไม่สามารถรองรับร่างกายได้เต็มที่ตามที่คุณอาจปรารถนา และไม่ว่าจะเป็นหมอนแบบไหน มันก็จะดีกับคุณและลูกน้อยของคุณแน่นอน หมอนคนท้องที่เราอยากจะแนะนำ คือ “หมอน Kool Komfort Hug” เป็นหมอนรูปทรงโค้งรับเข้าลำตัวและช่วยรองรับหัวเข่าและเท้า ดีไซน์ออกมาเป็นรูปทรงตัว J โดยหมอนจะโค้งเข้าลำตัวเพื่อรับกับสรีระของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ สันด้านในของหมอนออกแบบให้สูงน้อยกว่าสันด้านนอก เพื่อง่ายต่อการพาดหัวเข่าและรองรับบริเวณช่วงท้องได้อย่างสบายไม่อึดอัด มีสองเนื้อผ้าต่างสัมผัสและคุณสมบัติให้ผู้ใช้เลือก ด้วยผ้ารุ่น DovasilQ มอบสัมผัสนุ่มพิเศษปกป้องไรฝุ่น หรือผ้า K2 Kool ให้ผิวสัมผัสเย็นสบายช่วยบรรเทาอาการร้อนได้ง่าย เป็นผลมาจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าหมอนใบนี้จะทำให้คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ ท่านสามารถนอนหลับสนิทตลอดคืน

หมอนคนท้อง สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

มีอาการปวดคอหลังตื่นนอน ทำยังไงดี? ส่อง 5 วิธีรักษาแก้อาการปวดคอ

ตื่นเช้ารับวันใหม่ ด้วยความสดใสและสดชื่น แต่เมื่อลุกขึ้นจากเตียง กลับรู้สึกเจ็บ มีอาการปวดคอ ลามมาจนเกิดอาการปวดหลังในบางครั้ง เพราะบางทีคุณอาจจะนอนผิดท่า หรือนอนตกหมอน จนคอเคล็ด จึงอาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอเล็กน้อย และทำให้กล้ามเนื้อ รวมถึงเส้นเอ็นที่คอของคุณดึงได้ การรักษาอาจจะใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 วัน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรง แต่ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวได้ ฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึง “ถ้าเกิดอาการปวดเมื่อยต้นคอทำยังไงดี? ส่อง 5 วิธีรักษาอาการปวดคอหลังตื่นนอน”

สาเหตุการปวดต้นคอเกิดจากอะไรได้บ้าง?

ความตึงเครียดและความเครียดของกล้ามเนื้อ 

ซึ่งมักเกิดจากกิจกรรมและพฤติกรรมเช่น:

  • นั่งผิดท่า
  • ทำงานที่โต๊ะทำงานนานเกินไปโดยไม่เปลี่ยนตำแหน่ง
  • นอนผิดท่า
  • บิดคอขณะออกกำลังกาย

นอนหมอนสูงเกินไป

การนอนหมอนที่สูงและแข็งเกินไป จะทำให้ส่วนของศีรษะสัมผัสกับหมอนน้อย ซึ่งอาจจะทำให้มีการไหลเวียนเลือดไม่สะดวกและทำให้ส่วนคอของคุณเกร็ง และมีท่าทางการนอนที่สูงขึ้น ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้อย่างเต็มที่ อาจทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อกระดูกต้นคอทับหลอดเลือดและเส้นประสาทหรือเกิดอาการเป็นเฉพาะที่ได้

นอนหมอนต่ำเกินไป 

การนอนหมอนต่ำ หรือหมอนที่แบนเกินไป อาจจะก่อให้เกิดอาการปวดต้นคอ ฉะนั้นคุณอาจจะต้องลองนอนหงายตรง เพื่อที่จะให้เกิดช่องว่างระหว่างศีรษะกับคอ ซึ่งตรงนั้นจะทำให้สามารถเข้าไปรองรับได้พอดี ช่วยลดปัญหาอาการปวดคอได้

นอนผิดท่า

การนอนผิดท่าทางที่ผิดแปลกไปจากปกติ ก็อาจจะผลต่ออาการปวดคอเช่นกัน การนอนผิดท่า นอนหมอนไม่ตรงกับสรีระ ล้วนก่อให้เกิดอาการปวดหลังได้ ดังนั้นจึงเราควรเลือกหนุนหมอนให้เหมาะกับตัวเอง หากปวดคอมาก ๆ อาจหันมาเลือกใช้หมอนโฟมหรือหมอนที่ผลิตมาเพื่อผู้ที่ประสบปัญหานี้โดยเฉพาะ น่าจะพอทำให้อาการปวดคอลดลง

นอนตกหมอน

มีอารการปวดแบบไม่รู้ตัว มีอาการปวดต้นคอ ท้ายทอย ปวดศีรษะ เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า บางคนมีอาการต้นคอแข็งเกร็ง หากใครอาการหนักก็อาจจะถึงขั้นหันคอไม่ได้ ขยับแล้วเจ็บ และบางครั้งศีรษะอาจจะเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งอาการนี้เรียกว่า “การนอนตกหมอน” ซึ่งเป็นปัญญาที่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว

วิธีรักษาอาการปวดคอ

ในกรณีที่มีอาการปวดคอ อันเกิดจากการนอนผิดท่า ทำให้การนอนหลับพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ คุณสามารถปฏิบัติตามเคล็ดลับข้างล่างนี้เพื่อช่วยบรรเทาอาการเมื่อยต้นคอ และปวดคอได้

ปฏิบัติตามกฎการออกกำลังกายคอ

  • วางมือข้างหนึ่งไว้ที่ด้านข้าง (ขวาหรือซ้าย) ของคอ เอามือแตะคอเบาๆ หมุนศีรษะไปทุกทิศทางเป็นเวลาอย่างน้อย 5 – 10 วินาที 
  • ดันศีรษะไปข้างหลังโดยให้คางชี้ไปที่เพดาน แล้วดันกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม
  • ก้มศีรษะให้คางแตะหน้าอก ในขณะที่คุณทำกำลังหัดทำ ให้แน่ใจว่าไหล่ของคุณผ่อนคลาย รักษาตำแหน่งนี้ไว้ 20 วินาทีแล้วทำซ้ำ
  • นอนให้ตรง งอเข่าพร้อมพยุงคอและศีรษะโดยวางหมอนไว้ข้างใต้ คุณสามารถขยับหัวของคุณให้เหมือนกับว่าคุณกำลังพยักหน้า ค้างไว้เป็นเวลาสิบวินาที ผ่อนคลายและทำซ้ำแบบนี้ 10 ครั้ง

การยืดร่างกายเหล่านี้จะทำให้คอของคุณเคลื่อนไหวเป็นวงกลมเล็กน้อย มันจะช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อคอของคุณในขณะที่เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปทั่วเนื้อเยื่อ สิ่งนี้จะช่วยให้รู้สึกสบายคอทันที หากทั้งหมดนี้ไม่สามารถรักษาอาการปวดคอได้เนื่องจากคุณมีอาการปวดอย่างต่อเนื่องให้ปรึกษาหมอนวดเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม 

การนวดคอ

การนวดคอด้วยน้ำมันหอมระเหย เช่น น้ำมันทีทรี ตะไคร้หอม และลาเวนเดอร์ไม่เพียงช่วยให้ผ่อนคลาย และยังช่วยบรรเทาอาการกล้ามเนื้อคอตึงอีกด้วย หากไม่มีใครนวดดี ๆ ให้คุณ คุณสามารถใช้เทคนิคการนวดตัวเองสามารถทำได้ตามนี้ 

ยืดคอของคุณโดยเอาคางเข้าหาหน้าอก ตอนนี้ วางปลายนิ้วสามนิ้วไว้ใต้คอ ตรงจุดที่ไหล่และคอบรรจบกัน กดค้างจุดนี้ไว้สักครู่ แล้วปล่อยจนกว่ากล้ามเนื้อคอจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำซ้ำแบบนี้วนไป จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และค่อย ๆ ขยับไหล่ไปข้างหน้าและข้างหลัง 

จัดท่าและตำแหน่งการนอนของคุณ

การนอนผิดท่าอาจกดดันกล้ามเนื้อคอได้ ซึ่งเราสามารถจัดและปรับตำแหน่งการนอนที่สมดุลระหว่างคอและกระดูกสันหลังของคุณ และเลือกที่นอนที่รองรับสรีระ พร้อมกับหมอนที่รองรับศีรษะ

ลงทุนในกับหมอนที่รองรับช่วงคอ 

จะเป็นอย่างไร ถ้าหมอนใบเก่าของคุณอาจจะเป็นต้นเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังอาการปวดคออันโหดร้ายนั้น เพราะหากหมอนสูงเกินไป หมอนจะเอียงคอขึ้นด้านบน ซึ่งจะทำให้คอและกระดูกสันหลังไม่สมดุล หรือหากหมอนต่ำเกินไป หมอนจะเอียงคอลงซึ่งจะทำให้เกิดผลเช่นเดียวกัน

ซึ่งปัญหาสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ นั่นหมายถึงได้เวลาเปลี่ยนหมอนใบใหม่ของคุณแล้ว หมอนที่ดีควรจะรองรับศีรษะตั้งแต่ต้นคอไปยังกระดูกสันหลังของคุณอยู่ในระนาบเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดคอได้ อย่างหมอนแก้ปวดคอ Kool Kiss ที่มีการดีไซน์มาเพื่อรองรับและซัพพอร์ตทุกท่วงท่าในการนอน สามารถรองรับท้ายทอย ลดอาการปวดบริเวณต้นคอ สำหรับท่านอนหงาย⁣⁣⁣⁣⁣ และด้านสามบล็อก สามารถสลายแรงกดทับใบหู ช่วยรองรับแก้มและต้นคอได้เป็นอย่างดี 

หมอนรองคอจาก Komfy ช่วยลดอาการปวดคอได้

การประคบร้อนที่คอ

การประคบร้อนเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาแบบดั้งเดิมแต่ได้ผลในการกำจัดอาการปวดคอ เนื่องจากช่วยลดอาการตึงของคอที่เกิดจากการนอนหลับผิดวิธี

แม้ว่าจะมีหลายวิธีในการให้ความร้อนกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบ แต่หนึ่งในนั้นคือการใช้ขวดน้ำร้อนเริ้มต้นโดยเทน้ำร้อนลงในขวดน้ำร้อน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำไม่รั่วไหลออกจากขวด และสามารถใช้ประคบร้อนที่คออย่างน้อย 10 นาทีหรือจนกว่าอาการเจ็บกล้ามเนื้อคอค่อย ๆ หายไป

และนี่ก็เป็น 5 แนวทางการรักษาอาการปวดคอหลังตื่นนอนที่ดีที่จะช่วยให้คุณ บรรเทาอาการปวดเมื่อยต้นคอ เมื่อคุณนอนตกหมอน หรือ นอนผิดท่าแบบไม่ได้ตั้งใจ 

บรรเทาโรคกรดไหลย้อน ได้ง่ายๆ ด้วย “หมอน” ใบเดียว

โรคกรดไหลย้อน หรือ Gastroesophageal เป็นภาวะกรดไหลย้อนเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารรั่วไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหารอย่างต่อเนื่อง จากคอไปยังกระเพาะอาหารของคุณ กรดไหลย้อนเกิดขึ้นเนื่องจากวาล์วที่ส่วนปลายของหลอดอาหาร กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารปิดไม่สนิทเมื่ออาหารมาถึงกระเพาะ กรดไหลย้อนจะไหลย้อนกลับผ่านหลอดอาหารเข้าสู่ลำคอและปาก ทำให้ได้รับรสเปรี้ยว 

โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกคนในบางช่วงของชีวิต การมีกรดไหลย้อนและอาการเสียดท้องในบางครั้งอาจมีอาการไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าคุณมีอาการกรดไหลย้อนรุนแรง จนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ /  แนะนำการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่เพียงเพื่อบรรเทาอาการของคุณ แต่เนื่องจาก GERD สามารถนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงมากขึ้น แต่ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ แนวทางการบรรเทาโรคกรดไหลย้อนแบบใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งแพทย์ ง่ายๆด้วย “หมอน” ใบเดียว

ลักษณะอาการภาวะกรดไหลย้อน

อาการทั่วไปของกรดไหลย้อน

  1. มีอาการเสียดท้อง ปวดแสบ ปวดร้อนหรือรู้สึกไม่สบายที่อาจเคลื่อนจากท้องไปที่อก หรือแม้กระทั่งถึงคอ
  2. อาเจียน เป็นกรดรสเปรี้ยวหรือรสขมในลำคอหรือปากของคุณ

เช็ก 5 สัญญาณเตือนอาการกรดไหลย้อนเพิ่มเติมคลิกอ่าน

อาการอื่นๆ ของโรคกรดไหลย้อน ได้แก่:

  1. ท้องอืด
  2. อุจจาระเป็นเลือดหรือสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือด
  3. มีอาการเรอเปรี้ยว
  4. Dysphagia – ความรู้สึกของอาหารติดอยู่ในลำคอของคุณ
  5. สะอึกไม่หาย
  6. ลดน้ำหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ
  7. หายใจมีเสียงหวีดไอแห้งเสียงแหบ หรือเจ็บคอเรื้อรัง
ทำ 5 สิ่งนี้ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

การป้องกันโรคกรดไหลย้อนกับ 5 สิ่งที่ต้องทำตลอดทั้งวัน

ปรับไลฟ์สไตล์ของคุณให้เป็นวิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อน ผ่าน “กฎ 5 ข้อ” กับ 5 ประเด็นสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามในระหว่างวัน ระหว่างมื้ออาหาร และหลังมื้ออาหารของคุณ

แอคทีฟอยู่เสมอ

พยายามออกกำลังกายเป็นประจำ แม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็กล้าพูดเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน การลดน้ำหนักจะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

ห้ามสูบบุหรี่

สาเหตุสำคัญของการไหลย้อนคือ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร นิโคตินเป็นสารประกอบอัลคาลอยด์ชนิดหนึ่ง ไม่มีสี ซึ่งพบในต้นยาสูบทุกสายพันธุ์ สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ พยายามหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองในงานปาร์ตี้และงานอื่น ๆ ถ้าเป็นไปได้

อย่ากินมื้อดึก

อาจเป็นเรื่องยากหากคุณเป็นนกฮูกกลางคืนหรือไปงานสังสรรค์ แต่หากคุณไม่อยากประสบกับปัญหากรดไหลย้อน จงพยายามหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักหลังอาหารเย็นและเลือกของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ แทน

จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ของคุณ

ไม่ว่าจะเป็นไวน์กับอาหารค่ำ หรือเบียร์หลังเลิกงาน หรือแอลกอฮอล์ใด ๆ ก็ตาม ก็สามารถทำให้กรดไหลย้อนกับตัวคุณได้

อาหารรสจัด หรือมัน

การทานอาหารรสจัดหรือมันจะสร้างความระคายเคืองบริเวณหูรูดกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัดเช่นน้ำมะนาว น้ำส้ม และรสเผ็ดจัดเช่นพริก พริกไทย

ทำ 5 สิ่งนี้ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

แนวทางการรักษากรดไหลย้อนด้วยหมอนจาก Komfy

ในปัจจุบันเรามีนวัตกรรมสินค้าตัวใหม่ ๆ เข้ามาไม่ขาดสาย รวมถึงหมอนกันกรดไหลย้อนด้วย Komfy เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการพัฒนาสินค้าอย่าง “Kool Komfort Wave” หมอนบรรเทาอาการกรดไหลย้อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนโดยเฉพาะในขณะนอนหลับ ไม่สามารถนอนราบได้ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องการหายใจขณะนอนหลับของคุณได้ ด้วยดีไซน์ของหมอนเป็นทรงคลื่น ช่วยเติมเต็มส่วนโค้งเว้าของแผ่นหลัง บรรเทาอาการปวดหลัง และ เสริมด้วยหมอน Bambi เพิ่มความสบายในการนอนมากยิ่งขึ้น 

หมอน KOOL KOMFORT WAVE พัฒนาตามคำแนะนำของแพทย์

Komfy เราเข้าใจถึงปัญหาความทรมาน จากอาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืน โดยหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาที่ดีคือ การยกหัวให้สูง ซึ่งแพทย์แนะนำความสูงที่ประมาณ 12” เราจึงพัฒนาหมอน KOOL KOMFORT WAVE ขึ้นตามความสูงที่แพทย์แนะนำ เพื่อช่วยยกตัวของผู้นอนให้สูงขึ้น อยู่ในระนาบที่จะช่วยไม่ให้กรดย้อนขึ้นมาบริเวณที่หน้าอกปัญหาด้านสุขภาพไม่ใช่สิ่งเล็ก ๆ ที่เราจะไม่ดูแล เพราะถ้าหากเราไม่ดูแลรักษาตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ มันอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ จนสุดท้ายกลายเป็นโรคกรดไหลย้อนเรื้อรังได้ หากใครมีโอกาสที่ดูแลตัวเองได้ตั้งแต่ตอนนี้ เราขอเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะช่วยทำให้คุณจบปัญหากับโรคกรดไหลย้อนขณะที่นอนหลับ

วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อนด้วยหมอนใบเดียว

โรคออฟฟิศซินโดรม ที่มนุษย์ออฟฟิศ และ มนุษย์ WFH ต้องระวัง

โรคออฟฟิศซินโดรม เป็นที่มาของอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ที่มักพบได้บ่อยในคนที่ทำงานออฟฟิศหรือกลุ่มวัยทำงาน ที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน และยิ่งในปัจจุบันจากสถาการณ์โควิด 19 ระบาดหนักขึ้นทำให้หลาย ๆ บริษัทหันมา work from home หรือทำงานที่บ้านกันมากขึ้น แม้ว่าในช่วงแรก หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าความสุขของชีวิตการทำงานกำลังจะเข้ามา เพราะเราไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องไปเจอผู้คนมากมายในชั่วโมงเร่งด่วน และได้ทำงานแบบสบายอยู่ที่บ้านได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น กลับกลายเป็นเรากำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้ตัว เพราะเราอาจจะพบว่า ตัวเองเราเองนั้นใช้เวลาอยู่หน้าจอมากขึ้นกว่าปกติ ฉะนั้นมนุษย์ออฟฟิศทุกคนควรระวัง! เพราะอาการปวดหลังอาจไม่ได้มาจากออฟฟิศอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นเพราะ Work from Home ด้วยนะ 

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร?

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออาการปวดหลัง ที่ปวดในกระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อที่เกิดจากการนั่งหรืออยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน

สาเหตุออฟฟิศซินโดรม เกิดจากอะไร?

โดยส่วนใหญ่แล้ว ออฟฟิศซินโดรมจะเกิดขึ้นในขณะใช้งานคอมพิวเตอร์เวลาที่ทำงาน ความเจ็บปวดและความรุนแรงนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาในตอนแรก อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง โรคปวดหลัง โรคหมอนรองกระดูกสันหลัง และกระดูกสันหลังผิดปกติ ท่าทางและความสามารถในการทำงานหรือเคลื่อนไหวตามปกติของเราอาจได้รับผลกระทบ

โรคออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?

อาการของโรคออฟฟิศซินโดรมมีอะไรบ้าง

  • มีอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ 
  • ปวดหัว 
  • อาการชาที่นิ้วและแขน
  • ตาแห้ง
  • เวียนหัว
  • รู้สึกความเหนื่อยล้ากว่าปกติ

โดยอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมจะพบมากในอาการปวดคอและร่างกายส่วนบน ซึ่งหาเราเป็นโรคนี้มันจะสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และประสิทธิภาพการทำงาน ไม่เพียงแต่ในระหว่างการทำงาน แต่ยังรวมถึงคุณภาพชีวิตของคุณในยามว่างด้วย

โรคออฟฟิศซินโดรมจะมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุหลายปัจจัย ได้แก่ เค้าโครงพื้นที่ทำงานที่ไม่ถูกต้อง ความสูงของโต๊ะที่ไม่เหมาะสม การวางตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ถูกต้อง และการนั่งเป็นเวลานานจะทำให้เอนตัวไปข้างหน้า ทำให้กล้ามเนื้อคอและหลังยึดได้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจจะทำให้อาการปวดของเราพัฒนาไปสู่อาการออฟฟิศซินโดรม

วิธีการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม 

การจัดการกับปัญหาโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น

ท่านั่งแก้ปวดหลัง และการจัดที่นั่งทำงานให้เหมาะสม

  • วางตำแหน่งด้านบนของจอภาพไว้ด้านหน้าแนวสายตาของคุณ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าศีรษะของคุณตั้งตรงเหนือคอและไม่เอนไปข้างหน้าไปทางจอภาพ สิ่งนี้จะช่วยป้องกันอาการงอนและความเครียดที่กล้ามเนื้อคอของคุณ
  • ผ่อนคลายไหล่ของคุณ!
  • วางแขนท่อนล่างขนานกับพื้น
  • งอข้อศอกทำมุม 90-100 องศา ทำให้เกิด “รูปตัว L”
  • นั่งตัวตรงและพักบนพนักพิงหลังของเก้าอี้ ใช้ผ้าขนหนูม้วนหลังส่วนโค้งหลังส่วนล่างเพื่อรองรับหากจำเป็น
  • รักษาช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างเข่ากับเก้าอี้
  • เข่าอยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าสะโพกเล็กน้อย
  • วางเท้าราบกับพื้นหรือใช้ที่พักเท้าเพื่อยกขึ้นหากจำเป็น
  • รักษาน้ำหนักให้เท่ากันทั้งสองขาและเท้าหากอยู่ในท่ายืน
  • เปลี่ยนตำแหน่งของคุณหรือหยุดพักทุก ๆ 20 – 30 นาที! (ดูเคล็ดลับการออกกำลังกายของเราด้านล่าง!)

การขยับร่างกายผ่าน 4 ท่าในขณะที่นั่งทำงาน เพื่อเพิ่มช่วงพักการเคลื่อนไหวของคุณ

  1. การยืดคอ: ป้องกันอาการปวดคอและไหล่ตึง
  2. Seated Spine Twist: เพื่อคลายและยกกลางหลัง
  3. การยืดข้อมือ: เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมือแน่นขณะพิมพ์
  4. Seated Pigeon Stretch: เพื่อคลายและป้องกันสะโพกตึงและคลายหลังส่วนล่าง

ใช้หมอนรองหลัง

หรือหาก 2 วิธีข้างต้นอาจจะไม่ถูกใจใคร ๆ คน เราก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยคุณได้ง่าย ๆ ได้เช่นกัน นั่นคือ “หมอนตัว U” หรือ “หมอนรองหลัง Kool Komfort Kalm” ที่จะช่วยหนุนร่างกายในขณะที่เรานั่งทำงาน มีที่วางรองโน๊ตบุ้ค ดีไซน์รองรับตั้งแต่ช่วงแขนไปถึงการโอบแผ่นหลัง แน่นอนว่าหมอนใบนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาอาการปวดหลังได้อย่างแน่นอน และสบายยิ่งขึ้น ด้วยเนื้อผ้า K2 Kool นวัตกรรมการทอเส้นใยพิเศษที่ให้ความเย็นสบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่ว่าจะนั่งทำงานทั้งวัน หรือต่อด้วยการดูซีรีย์ก็รองรับบอกลาอาการปวดเมื่อย

บรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมได้ด้วยหมอนรองหลัง

ทำไมเราถึงใส่ใจในการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม?

สำหรับคนที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน อาจจะไม่รู้จักโรคนี้มากนักเท่าไหร่ แต่อยากจะบอกไว้เลยว่า แรก ๆ ของโรคออฟฟิศซินโดรมก็แค่ปวดกล้ามเนื้อ แต่พอเราปล่อยไว้นาน ๆ ขึ้นมันจะทำให้เราเองที่รู้สึกรำคาญกับอาการปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เพราะไม่มีใครคนไหนที่ชอบอยู่ในความเจ็บปวดหรอกจริงไหม หากเราไม่ระวังไว้ตั้งแต่เนิน ๆ เราอาจจะต้องรู้สึกไม่สบายอาจถึงขั้นที่เราต้องกินยาหรือทำกายภาพบำบัดกันเลยนะ!

แสบร้อนกลางอก” เช็ค 5 สัญญาณเตือนโรคกรดไหลย้อน

“แสบร้อนกลางอก หายใจไม่สะดวก เพราะกรดไหลย้อน” คำนี้หลายคนคงได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ อาการนี้เรียกได้ว่า ถ้าใครเป็นจะรู้สึกทรมานอยู่พอควร แน่นอนว่าไม่มีใครคนไหนที่อยากเป็นหรอกจริงไหมคะ โรคกรดไหลย้อนสามารถทำให้คุณทรมาน และเป็นเรื้อรัง ได้หากไม่ได้รับการรักษา 

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการรักษากรดไหลย้อนและแก้ปัญหาอาการแสบกลางอก หายใจไม่สะดวก แน่นหัวใจ พร้อม เช็ค 5 สัญญาณเตือนจากโรคกรดไหลย้อนว่าจะมีอะไรกันบ้าง

สาเหตุของภาวะกรดไหลย้อนเกิดจากอะไรบ้าง?

โรคกรดไหลย้อน หรือ GERD (Gastroesophageal reflux disease) เป็นโรคที่เกิดจากการไหลย้อนของสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหาร ที่ไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหาร โดยปกติหลังรับประทาน ร่างกายคนเราจะมีการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารอยู่บ้าง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคนี้จะมีปริมาณกรดที่ย้อนมากขึ้นหรือย้อนบ่อยกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรค 

ปัจจัยที่สามารถนำไปสู่โรคกรดไหลย้อน ได้แก่:

กดทับหน้าท้อง

สตรีมีครรภ์บางคนมีอาการเสียดท้องเกือบทุกวันเนื่องจากการกดทับที่เพิ่มขึ้นที่บริเวณหน้าท้องที่มากเกินไป นี่อาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุในการเกิดกรดไหลย้อน โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์

ทานอาหารแล้วนอน

การทานอาหารแล้วนอนเป็นหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน เนื่องจากการนอนจะทำให้หูรูดมีการทำงานที่ไม่ดี เกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นไปได้

อาหารรสจัดและมัน

อาหารบางประเภทเช่น นม อาหารรสเผ็ดหรือของทอด และนิสัยการกิน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออาการกรดไหลย้อน

ยา

ยาที่รวมถึงยาสำหรับโรคหอบหืด ความดันโลหิตสูง และภูมิแพ้ เช่นเดียวกับยาแก้ปวด ยากล่อมประสาท และยาต้านอาการซึมเศร้า

ไส้เลื่อนกระบังลม 

การเป็นไส้เลื่อนกระบังลม ส่วนบนของกระเพาะจะนูนเข้าไปในไดอะแฟรม ขัดขวางการรับประทานอาหารตามปกติ

อาการกรดไหลย้อนที่พบบ่อยที่สุดคือ:

5 อาการกรดไหลย้อน

1. คลื่นไส้อาเจียนตอนเช้า

โรคกรดไหลย้อน กรดในกระเพาะอาหารจะกลับไปที่ปากและหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และรสเปรี้ยวในปากที่ไม่ดี ซึ่งมักเกิดขึ้นในตอนเช้า เนื่องจากมีช่องว่างยาวระหว่างอาหารเย็นกับอาหารเช้าในเช้าวันรุ่งขึ้น

2. มีอาการเสียดท้องอยู่บ่อย ๆ  

หากคุณมีอาการเสียดท้องมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นประจำ รับรองว่าอาการนี้ไม่ปกติ โดยเริ่มจากบริเวณหน้าท้องและขยายไปถึงลำคอ อาการเสียดท้องมักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหาร

3. อาการไอแห้งเรื้อรัง หรือ เสียงแหบ

นอกจากอาการเสียดท้องแล้ว หากมีอาการไอโดยไม่ทราบสาเหตุและรุนแรงขึ้นในตอนกลางคืน นั่นมีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเป็นโรคกรดไหลย้อน เพราะอาการไอแห้งเรื้อรังเป็นหนึ่งในอาการหลักของโรคนี้ รวมถึงหากมีอาการกรดไหลย้อน ย้อนเข้าสู่กล่องเสียงของคุณ นั่นก็อาจจะทำให้คุณเกิดอาการเสียงแหบและเจ็บคอโดยไม่มีเหตุผลชัดเจนได้เช่นกัน

4. อาการเจ็บหน้าอก

อาการปวดที่เริ่มสูงขึ้นในช่องท้องเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งของโรคกรดไหลย้อน อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้สึกเจ็บที่หน้าอกเพิ่มขึ้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

5. กลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์

แม้ว่าคุณจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ หากคุณใช้มินต์และหมากฝรั่งเพื่อกลบกลิ่นปากเป็นประจำ อาจเป็นกรณีของโรคกรดไหลย้อนได้ เนื่องจากมีกรดไหลย้อนขึ้นมา อาจทำให้คุณมีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ 

กรดไหลย้อนเรื้อรัง พบได้บ่อยแค่ไหน?

โรคกรดไหลย้อนถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก เพราะสามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย แต่หากคุณมีแนวโน้มที่น้ำหนักเกินหรืออ้วน อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ มีการสูบบุหรี่หรือสัมผัสกับควันบุหรี่มือสองเป็นประจำ รวมถึงการใช้ยาบางชนิดที่อาจทำให้เกิดกรดไหลย้อน นั่นแปลว่าคุณอาจจะมีความเสี่ยงที่เป็นโรคกรดไหลย้อนมากกว่าคนปกติทั่วไป

วิธีบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

ท่านอนคนเป็นกรดไหลย้อน

ท่านอนคนเป็นกรดไหลย้อนที่จะแนะนำ คือการนอนนอนตะแคงซ้าย เพราะท้องของคุณอยู่ใต้หลอดอาหาร ซึ่งทำให้กรดไหลย้อนยากขึ้น หากกรดในกระเพาะหลุดออกมา แรงโน้มถ่วงสามารถคืนกรดในกระเพาะอาหารได้เร็วกว่าเมื่ออยู่ทางด้านขวาหรือบนหลังของคุณ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ด้านซ้ายมักจะเป็นด้านที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงให้เกิดอาการกรดไหลย้อน 

นอกจากนี้การยกศีรษะของเตียงให้สูงขึ้น หรือหาหมอนที่ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนอย่าง หมอน Kool Komfort Wave หรือหมอนกันกรดไหลย้อน ที่จะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนโดยเฉพาะในขณะนอนหลับ ที่ไม่สามารถนอนราบได้ เพราะตัวหมอนรุ่นนี้จะช่วยยกตัวของผู้นอนให้สูงขึ้น อยู่ในระนาบที่จะช่วยไม่ให้กรดย้อนขึ้นมาบริเวณที่หน้าอก ผสมรวมกับการนอนในท่านอนกรดไหลย้อนควบคู่กันก็จะช่วยให้คุณจบปัญหาอาการกรดไหลย้อนได้ง่าย ๆ 

ท่านอนกรดไหลย้อน ช่วยบรรเทาอาการได้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตบางอย่างมีประโยชน์อย่างมากในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อนและอาการของโรคกรดไหลย้อน เช่น การรักษาน้ำหนัก และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง การรับประทานอาหารมื้อเล็กและบ่อย ไม่กินเผ็ดหรืออาหารที่เลี่ยนเกินไป 

ถ้าหากคุณมีอาการแสบร้อนกลางอก หายใจไม่สะดวก และคาดว่าจะเป็นสาเหตุจากอาการกรดไหลย้อน ลองหมั่นเช็กพฤติกรรมของคุณตามรายละเอียดข้างต้น และอย่าละเลยกับโรคนี้ ดูแลรักษาตัวคุณเองตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม

เคล็ด(ไม่)ลับ ควรนอนท่าไหนเวลาปวดท้องประจำเดือน

ทุกๆเดือนผู้หญิงหลายคนต้องทนทรมานจากการปวดท้องประจำเดือน วนเวียนมาแต่ละครั้งสุดแสนจะน่าเบื่อ ไหนจะฮอร์โมนเปลี่ยน เดี๋ยวร้องไห้ หงุดหงิด กินเก่ง สิวขึ้น หรือปวดท้องหนักมากก ใครทรมานเหมือนน้อง K Kare บ้างคะ

แม้ว่าเรื่องของฮอร์โมนเป็นสิ่งที่เราอาจจะควบคุมยาก แต่การทำจิตใจให้สงบ พยายามอยู่ในบรรยากาศที่ดี หรือ นับ 1-10 เวลาโมโห ฝึกสมาธิ แลออกกำลังกายเป็นประจำ ก็อาจช่วยบรรเทาได้บ้าง ถ้าเรารู้สึกว่าตัวว่าอารมณ์ไม่ค่อยปกติ พยายามเลี่ยงการคุยเรื่องเครียดๆ หรือเลี่ยงการใส่อารมณ์กับคนรอบข้างกันดีกว่า เพราะอาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจเรา และอาจพลอยทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่ดีไปด้วย TT

ความอยากอาหารมากกว่าปกติ เห็นอะไรก็ดูน่าทานไปหมด การกินเยอะในช่วงมีประจำเดือนอาจดูไม่ได้เป็นปัญหามาก แต่ถ้าเยอะเกินพอดี ตัวเลขน้ำหนักที่เพิ่มตามมา ก็อาจจะไม่น่ารักได้น้า หากรู้สึกหิวบ่อย แนะนำเป็นการดื่มน้ำ หรือทานผลไม้ที่มีประโยชน์แต่แคลอรี่ต่ำแทน จะช่วยให้อิ่มท้องแถมยังดีต่อร่างกายอีกด้วยค่า

แต่อาการปวดท้อง เป็นอะไรที่ทรมานสุดๆ ปวดทีแทบจะทรุดไปอยู่ที่พื้น ถ้าจะต้องทานยาทุกวัน หรือทุกเดือนก็ไม่ค่อยจะดีต่อร่างกาย วันนี้น้อง K Kare นำเคล็ด (ไม่) ลับ มาฝากทุกท่านกัน ท่านอนบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน บอกเลยว่ามีประโยชน์มาก !

  1. ท่านอนแนะนำท่าแรก เป็นท่า ‘น้องเบบี๋’ ย้อนวัยไปเป็นเด็กทารกในท้องคุณแม่อีกครั้ง คือการนอนตะแคงข้าง งอเข่าทั้ง 2 ข้าง และขดตัวให้งอ ท่านี้จะช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อบริเวณท้องที่ปวดประจำเดือน ทำให้ลดอาการปวดได้ค่า
  2. ใครไม่ชินนอนท่าตะแคง ก็สามารถเลือกเป็นท่านอนหงายได้นะคะเพียงนอนหงายแล้วใช้ฝ่าเท้าประกบกัน ให้ช่วงเข่าอ้าออก ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณท้องน้อยรู้สึกผ่อนคลาย ลองหาหมอนมาลองใต้เข่า จะช่วยให้รู้สึกสบาย คลายปวดได้ดียิ่งขึ้นค่า

แต่ แต่ แต่.. ท่าที่ไม่แนะนำเลย ในช่วงที่เป็นประจำเดือน คือท่านอนคว่ำหน้า ขอห้ามเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะเป็นท่าที่ทำให้น้ำหนักตัวกดทับมดลูก ยิ่งทำให้ปวดท้องเวลามีประจำเดือนหนักเลยค่า

นอนท่าที่ถูกแล้ว ก็ควรเลือกหมอนที่เหมาะสมด้วยนะค้า หากอาการปวดท้องหาย แต่ตื่นมาปวดคอก็ไม่ไหวน้า ว่าแล้วน้อง K Kare ขอขายของค่า หมอนที่เค้าดีไซน์มารองรับท่านอนได้อย่างเหมาะสม เช่น หมอน Kool Komfort Hug (หมอนตัวเจ) เอาไว้ให้กอดเวลานอนตะแคง ช่วยให้งอเข่าได้สบาย ไม่เมื่อยสะโพกหรือกดทับเข่าด้านล่าง หรือจะเป็นหมอน Kradle Underkicks ที่เมื่อวางใต้เข่าแล้วก็ช่วยให้ทั้งขา เข่า และหลังช่วงล่างผ่อนคลาย ส่วนหมอนหนุนนั้น KOMFY ก็มีความหนาให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะสรีระแบบใด ชอบนอนท่านอนท่าไหน ก็มีตอบโจทย์ครบเครื่องเลยค้า

อีกทั้งวัสดุพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นผ้า K2 Kool หรือตาข่าย Air Kool ที่ช่วยระบายความร้อนจากร่างกาย ไม่ให้รู้สึกร้อนอึดอัด นอนหลับเย็นสบาย ฟินๆได้เลยค้า

ใครที่ปวดท้องประจำเดือนบ่อยๆ ก็ลองนอนตามนี้ได้นะคะ ช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณท้องน้อยไม่ให้รู้สึกตึง ลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ เป็นเรื่องที่สาวๆ ควรรู้เอาไว้เวลาปวดท้องประจำเดือน จะได้นอนกันให้ถูกท่าค่า และยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถช่วยให้อาการปวดทุเลาลงได้

  • การใช้แผ่นร้อนหรือขวดร้อนมาวางไว้บนหน้าท้อง
  • การอาบน้ำหรือการแช่น้ำอุ่น
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมให้ความผ่อนคลาย
  • การดื่มน้ำเยอะๆ โดยเฉพาะน้ำอุ่น

ด้วยการดูแลร่างกายที่เหมาะสม ก็จะสามารถบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและส่งผลกระทบน้อยลงต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ค่ะ

แต่หากมีอาการปวดท้องรุนแรงกว่าปกติ หรือมีอาการปวดท้องน้อยบริเวณด้านขวาแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นการปวดไส้ติ่ง หรือมาจากสาเหตุอื่นๆ นอกเหนือจากการปวดประจำเดือนปกติ