เพราะหมอนทุกใบไม่ใช่หมอนหลับสนิท วิธีเลือกหมอนเพื่อคนนอนไม่หลับ

เมื่อพูดถึงหมอนที่ช่วยให้หลับสนิท หลายๆคนอาจจะรู้สึกว่าหมอนใบไหนก็เหมือนๆกัน แต่เราขอบอกเลยว่าไม่จริง แล้วการนอนหลับสนิทมันดียังไงการนอนหลับสนิทถือเป็นการนอนหลับที่ได้คุณภาพ และทุกวันของเราควรจะได้นอนหลับจริงๆ 8 ชั่วโมงขึ้นไปอีกด้วย แต่นอกจากเวลานอนแล้ว การเลือกหมอนที่เหมาะสมยังช่วยลดปัญหานอนหลับยากอีกด้วย ต้องเลือกหมอนหลับสนิทแบบไหนถึงจะเหมาะกับตัวเอง? เรามีคำแนะนำมาให้ทุกคนแล้ว!

หมอนแบบไหนที่ดีต่อสุขภาพ?

ไม่ใช่แค่คุณจะหยิบหมอนอะไรมาหนุนก็สามารถนอนหลับได้ หลายๆ คนอาจคิดว่าแค่หมอนที่นุ่มสบายก็พอแล้ว แต่หมอนที่ดี ที่ทำให้หลับสนิทต้องเป็นหมอนถูกหลักกายภาพ ซึ่งเป็นหมอนที่ช่วยปรับสรีระท่านอนของเราให้ถูกต้องอีกด้วย เพราะเราใช้เวลานอนในแต่ละคืนนานถึง 6-8 ชั่วโมง ถ้าหมอนที่หนุนไม่สบายจะทำให้เกิดปัญหาปวดเมื่อยร่างกาย บริเวณต้นคอ บ่าไหล่หรือกลายเป็นโรคนอนไม่หลับติดต่อกันไปเลยก็มี

เพราะหมอนทั่วๆ ไปอาจไม่รองรับสรีระการนอนของผู้ที่มีปัญหานอนหลับยาก ปัจจุบันจึงมีการผลิตหมอนหลากหลายรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น

1. หมอนยางพารา กระจายแรงกดทับ

ด้วยคุณสมบัติรองรับ พร้อมโอบกระชับศีรษะในทุกท่วงท่าของการนอน อีกทั้งยังระบายอากาศได้ดี ทำให้หมอนยางพาราช่วยในการไหลเวียนโลหิต และทำให้ศีรษะเย็นสบายตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ ด้วยความที่วัสดุทำจากยางพารา ทำให้เวลานอนหนุนช่วยกระจายแรงกดทับได้ดี ไม่เกิดปัญหาปวดเมื่อยหลังการพักผ่อน

หมอนหลับสนิท

2. รองรับทุกสรีระระหว่างนอนด้วยหมอนน้ำ

เพราะน้ำช่วยรองรับทุกท่วงท่า และทุกสรีระในทุกการนอน หมอนชนิดนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพในประเภทกระดูก เช่น อยู่ในช่วงจัดกระดูก หรืออยู่ในช่วงกำลังทำกายภาพบำบัด

3. หมอนเจล ขจัดความร้อน พร้อมปรับอุณหภูมิให้คงที่

ด้วยมีเม็ดบีทส์เป็นส่วนประกอบ ช่วยขจัดความร้อน และปรับอุณหภูมิให้คงที่ขณะใช้ ทำให้หมอนเจลช่วยคลายอาการปวดหัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาไมเกรน

หมอนหลับสนิท

4. หมอนออกซิเจน นิยมใช้ทางการแพทย์

หมอนออกซิเจนเรียกได้ว่าเป็นหมอนเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะช่วยเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย และไม่รบกวนการทำงานของทางเดินหายใจ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้ เนื่องจากไม่ควรนำไปซัก แต่ควรปัดฝุ่น และผึ่งลมเป็นระยะๆ แทน

5. ตอบโจทย์ทุกปัญหาการนอนด้วยหมอนสุขภาพตามสรีระร่างกาย

หมอนสุขภาพตามสรีระร่างกายจะมีรูปทรงแตกต่างจากหมอนทั่วไป แต่ตอบโจทย์ผู้มีปัญหาการนอนต่างๆ เช่น หมอนสำหรับนอนตะแคง ที่จะช่วยโอบรับศีรษะ และคลายแรงกดทับบริเวณใบหู หรือหมอนนอนหงาย ที่ตอบโจทย์ผู้มีปัญหาด้านการนอน ไม่ว่าจะเป็นการปวดไมเกรน หรือปวดบริเวณต้นคอ หรือแม้กระทั่งหมอนปรับสรีระที่รองรับทุกท่วงท่าของการนอน โดย Komfy ได้จัดสรรผลิตภัณฑ์เพื่อการนอนในลักษณะแตกต่างกันมาเป็นเซ็ตให้คุณได้สลับใช้งานตามสภาพร่างกายในแต่ละวัน เป็นต้น

หมอนหลับสนิท

การเลือกหมอนนอนหลับสบายจึงต้องเลือกหมอนจัดท่านอนที่เข้าใจเรื่องร่างกาย สามารถรองรับสรีระของเราตอนนอนได้ เพราะบางครั้งเราอาจจะเกิดการนอนดิ้นทำให้คอ บ่า หลังของเราอยู่ในท่าที่กล้ามเนื้อไม่สบายตัว อาจจะส่งผลให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อในตอนตื่นขึ้นมาก็เป็นได้ หรือยิ่งไปกว่านั้นคือเกิดไมเกรน ปวดหัวเรื้อรัง ซึ่งหลายๆ คนไม่คาดคิดว่าต่อยอดมาจากปัญหานอนหลับยาก จึงไม่ใช่เรื่องผิดหากจะกล่าวว่าการซื้อหมอนดีๆ หนึ่งใบเท่ากับเป็นการลงทุนในด้านสุขภาพในระยะยาวเลยทีเดียว

ฝังเข็มรักษาอาการนอนกับหมอนช่วยผ่อนคลาย วิธีง่ายๆสำหรับคนนอนยาก

ฝังเข็มรักษาอาการนอนเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ ซึ่งหลายท่านอาจพบเจอปัญหานี้มายาวนานกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ มากมายเช่น ปวดไมเกรน ปวดเมื่อยคอ และหลัง เป็นต้น ซึ่งอาการนอนไม่หลับสามารถรักษาได้ไม่ยากด้วยการฝังเข็มรักษาอาการนอน, ท่านอนที่ถูกต้อง หรือ การเลือกหมอนช่วยให้หลับสนิท

ฝังเข็มรักษาอาการนอน

การนอนเป็นเรื่องที่ใครหลายๆ คน ชอบมองข้ามไป คิดว่านอนหลับตาแล้ว เดี๋ยวก็หลับไปเอง แต่ความจริงแล้วการนอนในท่านอนที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการนอนไม่ได้ช่วยเพียงให้รู้สึกสดชื่นเท่านั้น ยังช่วยให้ร่างกายเราซ่อมแซมระบบต่างๆ และพักกล้ามเนื้อที่ใช้งานมาทั้งวันอีกด้วย ดังนั้นเราควรพักผ่อนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่หลายท่านกลับประสบปัญหานอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท ซึ่งอาจจะเกิดได้จากความเครียดสะสม หรือการนั่งทำงานในท่าเดิมๆเป็นเวลานานจนกล้ามเนื้อยึดเกร็ง

การฝังเข็มช่วยบรรเทา หรือแก้ไขปัญหาการนอน เป็นทางเลือกที่เห็นผลในเวลาอันสั้นจริงหรือ?

การแก้ปัญหาที่เห็นผลอย่างชัดเจนที่สุดภายในเวลาอันสั้นก็คือการฝังเข็มโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งการฝังเข็มลักษณะนี้ไม่ได้เป็นศาสตร์ใหม่แต่อย่างใด การฝังเข็มรักษาอาการนอนมีให้บริการมานานแล้ว เป็นการผสมผสานระหว่างการฝังเข็มแบบดั้งเดิม และใช้ความรู้สมัยใหม่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของร่างกาย โดยจะฝังเข็มในบริเวณ ศีรษะ ช่วงขมับทั้งสองข้าง และต้นคอ

แนวคิดการนอนไม่หลับฝังเข็ม จะช่วยให้กล้ามเนื้อทั้งบ่าและคอของเราคลายตัวลง ในขณะที่สมองเราก็ถูกกระตุ้นให้ขับสารที่ไม่ดีเช่นกัน เพราะหลอดเลือดบริเวณศีรษะได้ขยายตัวขึ้นเพราะการฝังเข็มนั่นเอง

การฝังเข็มแก้ไขปัญหานอนไม่หลับอย่างไร?

เมื่อฝังเข็มตามจุด จะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทให้หลั่งสารเอ็นโดฟินซึ่งมีฤทธิ์ผ่อนคลายประสาท ทำให้จิตใจสงบ รู้สึกผ่อนคลาย จนทำให้ผู้ป่วยที่มารักษา รู้สึกง่วงและเคลิ้มหลับไปขณะที่รักษาเลยทีเดียว และการฝังเข็มยังช่วยปรับการทำงานของเซลล์ประสาท ทำให้คลื่นไฟฟ้าสมองมีจังหวะสม่ำเสมอ มีความถี่ใกล้เคียงกับคลื่นไฟฟ้าในสมองระหว่างที่ร่างกายนอนหลับ แถมยังช่วยปรับการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย และสามารถพักผ่อนได้เต็มที่ กล่าวคือการฝังเข็มรักษาอาการนอนไม่หลับเป็นการปรับระบบประสาทให้กลับไปทำงานอย่างสมดุล และสามารถรักษาได้ทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว

ฝังเข็มรักษาอาการนอน

ป้องกัน และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อผลลัพธ์ระยะยาว

ถึงแม้ว่าเราจะมีการรักษาแบบฝังเข็ม เพื่อช่วยแก้ปัญหาในการนอนหลับได้ แต่อาการนอนหลับไม่สนิทก็อาจกลับมาได้ หากเราใช้เครื่องนอนที่ไม่เหมาะสม ซึ่งวิธีง่ายๆในการแก้ปัญหาเรื่องการนอนหลับไม่สนิทนั้นแก้ได้ด้วยการเลือกหมอนและเครื่องนอนที่ตอบโจทย์กับสรีระร่างกายและท่านอน นอกจากจะช่วยให้หลับสนิทแล้ว ยังช่วยลดอาการปวด ต่างๆจากการนอนอีกด้วย ถือเป็นตัวเลือกที่ได้ผลในระยะยาว เพราะเราใช้เวลา 1 ส่วน 3 ของวันไปกับการนอนตามที่ได้กล่าวไว้แต่แรก นั่นหมายความว่าช่วงศีรษะของเราจะหนุนหมอนนานเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมงโดยประมาณเลยทีเดียว โดยปัจจุบันเรามีหมอนให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งสำหรับผู้ที่ชอบนอนหงาย หรือสำหรับผู้ที่ชอบนอนตะแคง ซึ่งท่านอนตะแคงเป็นท่านอนที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง และยังเป็นท่านอนที่เหมาะสมสำหรับคนท้อง ซึ่งช่วยให้นอนหลับสบายโดยไม่รู้สึกอึดอัดตลอดทั้งคืน

รวมถึงการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการนอน ให้อยู่ในท่านอนที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง เพราะไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายของเรา เช่น ด้านความจำ สติปัญญา ฮอร์โมน และการทำงานของอวัยวะต่างๆ ยังกระทบต่อการสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับต่อกรกับโรคร้ายอีกด้วย เราจึงควรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอนให้ถูกต้องตามสรีรศาสตร์เพื่อที่สุขภาพของเราจะได้แข็งแรง Komfy จึงได้ออกไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อจัดท่านอน และช่วยปรับวิธีการนอนให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล เพื่อป้องกันปัญหาการนอนที่ต้นเหตุ ไม่ให้เรื้อรังจนถึงกับต้องรักษาต่อไปในอนาคต สามารถเข้าไปชมหมอนที่ถูกสุขลักษณะได้ในหน้า Product หรือสินค้าของเว็บไซต์ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ทาง Line @komfy

7 เทคนิคสร้างบรรยากาศห้องนอนให้หลับดีพร้อมหมอนที่หลับสบายที่สุด

หมอนที่หลับสบายที่สุด ต้องมาคู่กับห้องนอนอันแสนอบอุ่น หลาย ๆ คนคงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าห้องนอนคงเป็นพื้นที่เดียวสำหรับการพักผ่อน คนทั่วไปจะใช้เวลากับห้องนอนมากกว่า 8 ชั่วโมง ถือได้ว่าเป็นห้องที่เราใช้เวลาอาศัยอยู่มากที่สุดห้องหนึ่งในบ้าน ดังนั้น ห้องนอนที่ดีควรจะเต็มไปด้วยแต่สิ่งที่ช่วยทำให้เราเกิดความสบาย เห็นแล้วรู้สึกดีอยากใช้เวลาตรงนี้นาน เพราะเมื่อเรากลับจากการทำงานมาเหนื่อย ๆ แล้วเข้าห้องนอนที่เต็มไปด้วยความมืดมน ความอึดอัด ก็คงทำให้ค่ำคืนการนอนคืนนั้นเป็นคืนที่ไม่ดีอีกคืน ดังนั้น วันนี้เราจึงมาแนะนำกับ

7 เทคนิคที่จะช่วยสร้างบรรยากาศห้องนอนให้หลับฝันดีคู่กับหมอนที่หลับสบายที่สุดใบโปรดของคุณ

เทคนิคที่ 1 การเลือกสีในการตกแต่งห้องนอนเพื่อให้มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

สีที่ใช้ในการตกแต่งห้องให้มีบรรยากาศผ่อนคลาย ควรเป็นสีที่ดูแล้วสบายตา ไม่มืดมน โดยโทนสีที่เราแนะนำจะประกอบไปด้วย

  • โทนสีฟ้า ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย จะทำให้นอนหลับสบายส่งผลทางด้านอารมณ์ให้มีความสุข เบิกบาน สดชื่น
  • โทนสีเขียว ให้ความรู้สึกเหมือนพักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
  • โทนสีเหลือง สีโทนสว่างให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้ดีในตอนที่คุณตื่นนอน
  • โทนสีเทา ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและความรู้สึกสบาย อีกทั้งสีเทาสามารถทำให้ห้องนอนคุณดูเป็นห้องนอนสไตล์ผู้ใหญ่ได้อีกด้วย
  • โทนสีน้ำตาล จะทำให้ห้องนอนดูสงบ อบอุ่น
  • โทนสีชมพู จะช่วยเพิ่มบรรยากาศความหวานในห้องนอนมากขึ้น
  • โทนสีม่วง ให้ความรู้สึกถึงความหรูหรา มาพร้อมกับความน่าค้นหามากยิ่งขึ้น
  • โทนสีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกหนักแน่น จริงใจ หากอยากใช้โทนสีนี้ แนะนำให้ใช้เป็นสีรองจะได้ไม่ทำให้ห้องนอนดูทึบจนเกินไป
หมอนที่หลับสบายที่สุด

เทคนิคที่ 2 แสงสว่างภายในห้องนอน

การจะทำให้ห้องนอนมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย น่านอน ไม่ควรทำให้ห้องนอนดูมืดมน เพราะบรรยากาศแบบนี้จะทำให้อารมณ์ที่อยากพักผ่อนด้วยความรู้สึกดีจะหายไปทันที ห้องมืด ๆ ทึม ๆ สร้างความรู้สึกกดดัน เครียด ส่งผลในแง่ของจิตใจ เราควรจะทำให้ห้องมีแสงสว่างที่เพียงพอ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ห้องน่านอน หรือหากใครอยากตื่นเช้ามามีความแต่สดใส ควรเปิดผ้าม่านไว้ เพื่อให้แสงสอดส่องเข้ามาในห้องนอนบ้างเล็กน้อย

หมอนที่หลับสบายที่สุด

เทคนิคที่ 3 การตกแต่งห้องนอนด้วยของชิ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ

หากใครไหนมีความชื่นชอบในตัวการ์ตูน ศิลปิน ไอดอล หรือเป็นนักสะสมของเล็ก ๆ น้อย ๆ ของจุกจิก สามารถนำมาตกแต่งให้ห้องนอนของคุณกลายเป็นห้องที่น่านอนขึ้นได้ เพื่อทำให้ห้องนั้นมีบรรยากาศสบาย ๆ ผ่อนคลายสำหรับคุณมากขึ้น

เทคนิคที่ 4 สร้างบรรยากาศด้วยเสียงคลอเบา ๆ

เรื่องเสียง นับถือว่าจุดเล็ก ๆ ที่สำคัญอีกจุดหนึ่งสำหรับการสร้างบรรยากาศห้องนอน เพราะจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มีการออกมายืนยันแล้วว่า การใช้คลื่นเสียงบางชนิดจะช่วยทำให้เรานอนหลับได้ดีและสนิท หากมีการสร้างบรรยากาศห้องด้วยเสียงธรรมชาติ จะยิ่งทำให้เราหลับสบายยิ่งขึ้น ซึ่งเทคนิคนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยห้องนอนมีบรรยากาศที่น่านอนเพิ่มขึ้น

หมอนที่หลับสบายที่สุด

เทคนิคที่ 5 เติมเต็มห้องนอนด้วยกลิ่นหอมรัญจวน

กลิ่นนับว่าเป็นอีกเรื่องที่หลาย ๆ คนไม่ควรมองข้าม เพราะกลิ่นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการสร้างบรรยากาศในห้องที่ช่วยให้นอนหลับฝันดีได้ การเข้ามาในห้องนอนแล้วได้สูดดมกลิ่นที่เราชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ กลิ่นสมุนไพร ก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ทันที การสร้างกลิ่นให้ห้องนอนสามารถทำได้หลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น การใช้เทียนหอม การใช้ชุดก้านไม้หอมปรับอากาศ การปรุงแต่งกลิ่นขึ้นมาเอง เป็นต้น

เทคนิคที่ 6 สร้างบรรยากาศห้องนอนเพิ่มด้วยความสะดวกสบายกับเทคโนโลยี

สร้างความสะดวกสบายให้ห้องนอนตัวเองกับ Smart Home ระบบอัจฉริยะ ที่สามารถรับคำสั่งและตอบคำถามได้ทันที จะดีแค่ไหนหากเรามีห้องนอนที่เราสามารถสั่งการด้วยเสียงได้ง่าย ๆ หรือใช้ระบบสัมผัสแค่ปลายนิ้วบนโทรศัพท์ ไม่ว่าจะทำอะไร ยกตัวอย่างเช่น เปิด-ปิดไฟห้องนอน เปิดเครื่องปรับอากาศด้วยตัวเองตามเวลาเปิด-ปิดที่เราสั่ง การเพิ่มความสะดวกสบายตรงนี้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี เพราะเราไม่จำเป็นต้องเดินไปกดอะไรให้เมื่อยมือเลย

หมอนที่หลับสบายที่สุด

เทคนิคที่ 7 สัมผัสความนุ่มสบายของหมอนและที่นอนคู่ใจ

อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะขาดไปไม่ได้เลยคือ การสัมผัสกับที่นอนและหมอนลดความเมื่อยล้าคู่ใจ ที่เราหาซื้อกันจากร้านขายที่นอนในไทย จะช่วยให้การนอนหลับนั้นสบายยิ่งขึ้นไปอีกเท่าตัว หลายคนที่มีอาการปวดเมื่อยตามคอตามไหล่ก็พยายามมองหาหมอนแก้ปวดคอ บ่า ไหล่เฉพาะ เพื่อที่จะช่วยให้ตัวเองมีการนอนที่ดีขึ้น แต่จริง ๆ แล้วหมอนที่ดี ที่ช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ควรเป็นหมอนที่ไม่นุ่มและไม่แข็งเกินไป เป็นหมอนสูงพอดีกับร่างกายเรา จะดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเป็นหมอนที่สามารถเป็นได้ทั้งที่นั่งและที่นอนอย่าง Kool Komfort Kalm หมอนหนุนหลัง พิงสบาย ที่รองรับตั้งแต่ช่วงแขนไปถึงการโอบหลัง เป็นหมอนที่สามารถใช้กับคนที่นั่งทำงานหรือ นำไปใช้หนุนนอนเพื่อลดอาการปวดต่าง ๆ ได้ แถมยังช่วยปรับท่านอนให้เป็นไปตามสรีระ เมื่อใช้หมอนแล้ว ท่านอนบางท่าเป็นท่านอนแก้ปวดไหล่ ปวดหลังได้อีก แน่นอนว่าห้องนอนที่ดีสำหรับบางคน ไม่ได้เป็นเพียงแค่ห้องที่มีไว้สำหรับนอน แต่อาจมีไว้สำหรับทั้งนั่งทำงาน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย การมีหมอนสักใบที่หนุนนอนก็ได้พิงหลังก็ดีเป็นสิ่งที่ควรมีไว้ติดห้อง

วิธีการเลือกที่นอนคุณภาพดีสมราคา นอนสบายไม่ปวดหลัง

ที่นอนแบบไหนดีต่อสุขภาพ และยังเป็นที่นอนคุณภาพดีสมราคา สิ่งที่ต้องใส่ใจหรือพิจารณาคือที่นอนที่คุณกำลังจะเลือกซื้อนั้นผลิตจากวัสดุอะไร แล้วจะรู้เลยว่าทำไมถึงมีราคาสูง เพราะอะไรถึงถูก เพราะที่เราเห็น ๆ กันอยู่ตามร้านขายที่นอนในไทย มีที่นอนราคาตั้งแต่หลักพันจนไปถึงหลักแสน ความคุ้มค่าแบบไหนที่เราจำเป็นต้องยอมจ่ายในราคาแพงเพื่อให้ได้ที่นอนมาเพียงการพักผ่อนในแต่ละวัน การสร้างความรู้สึกการนอนที่แตกต่างกันตามบุคคลไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แต่ Komfy มอบประสบการณ์นอนผ่านที่นอนคุณภาพดีสมราคา เพราะที่นอน Komfy ทุกรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับการใช้งานของแต่ละบุคคลเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการนอนที่แตกต่างกัน แน่นอนว่ามีที่นอนที่ดี มีคุณภาพแล้ว ก็ควรจะมีหมอนคู่ใจ หมอนที่ช่วยให้หลับสนิท เพื่อเพิ่มการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

สาเหตุที่ที่นอนมีราคาแพง เป็นเพราะที่นอนมีการผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี สมมติว่าที่นอนที่คุณซื้อไปมีราคาแพง สูงถึงหลักหมื่น เมื่อเปรียบเทียบกับราคาต่อการใช้งานต่อวันแล้ว ถือว่าค่อนข้างต่ำมาก ในขณะเดียวกันที่นอนราคาถูก มักถูกผลิตมากจากวัสดุคุณภาพที่ไม่ดี ไม่มีคุณภาพมากนัก อาจมีการผสมสิ่งอื่นลงไปเพิ่มเติม ส่งผลให้ลดอายุการใช้การลงไปอีกเท่าตัว หากว่าคุณซื้อที่นอนที่ดี มีคุณภาพ ในราคาที่สูงหน่อย เพื่อแลกกับการหลับเต็มประสิทธิภาพบนที่นอนไม่ปวดหลังเมื่อเฉลี่ยราคาต่อวันออกมาเปรียบเทียบกับที่นอนราคาถูกกว่าที่อาจพาให้คุณไปซ่อมหลังกับคุณหมอได้ในอนาคต คุณอาจจะได้ความคุ้มค่าทั้งด้านตัวเงินที่ถูกกว่าและการพักผ่อนที่ดีกว่า ดังนั้นสิ่งสำคัญในเลือกซื้อที่นอนควรเลือกที่นอนที่ดีมากคุณภาพโดยดูที่ “วัสดุ” ในการผลิตที่นอนเป็นหลัก

ที่นอนคุณภาพดีสมราคา

ความแตกต่างของประเภทที่นอน

ประเภทที่นอนนั้น จริง ๆ แบ่งออกได้หลายแบบหลายประเภท โดยวัสดุที่นำมาทำที่นอนนั้นจะมีทั้งจากวัสดุธรรมชาติ วัสดุสังเคราะห์และวัสดุแบบผสม โดยสามารถแบ่งออกได้ 5 ประเภท ดังนี้

1. ที่นอนยางพารา (Latex Mattress)

คือที่นอนที่นำแผ่นยางพารามาทำเป็นที่นอน คุณสมบัติของที่นอนประเภทนี้จะมีความยืดหยุ่น และแรงต้านสูง ไม่ยุบตัว มีความคงทนนาน สามารถปรับตามสรีระร่างกายของคนได้ดี ช่วยบรรเทาอาการปวด เรียกได้ว่าเป็นที่นอนอันดับต้น ๆ ที่คนมองว่าเป็นที่นอนไม่ปวดหลัง ที่นอนประเภทนี้จะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมากและราคาสูงกว่าที่นอนชนิดอื่น ที่นอนยางพาราจะแบ่งออกได้อีก 2 รูปแบบ คือที่นอนยางพาราแท้ กับที่นอนยางพาราแบบอัดแน่น

2. ที่นอนนุ่น (Kapok Mattress)

เป็นที่นอนที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติโดยตัวใส้ในของที่นอนจะทำมาจากต้นนุ่น เป็นเส้นใยที่เหมาะกับการเอาไปทำที่นอนและหมอนต่าง ๆ เพราะนุ่นมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ให้ความรู้สึกเย็น ช่วยระบายอากาศและมีราคาค่อนข้างถูก แต่ในอีกด้านหนึ่งของนุ่น คือ นุ่นมีระยะการใช้งานที่ไม่ยาวนาน เสียรูปทรงได้ง่าย หากมีการใช้งานไปนาน ๆ แล้วเกิดยุบตัวอาจจะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้

ที่นอนคุณภาพดีสมราคา

3. ที่นอนใยมะพร้าว (Coconut Fiber Mattress)

ผลิตจากเส้นใยมะพร้าวที่แปรรูปให้เป็นแผ่นแล้วนำไปเข้ากระบวนการต่าง ๆ จนกลายออกมาเป็นที่นอน ที่นอนประเภทนี้จะมีลักษณะที่ค่อนข้างแข็ง มีความยืดหยุ่นน้อย แต่มีน้ำหนักมาก สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่สะสมความชื้น คงสภาพได้ดีในระดับหนึ่ง ที่นอนที่ทำมาจากวัสดุใยมะพร้าวจะมีราคาถูกกว่า เหมาะกับคนที่ชอบนอนที่นอนแข็ง ส่วนข้อเสียหากที่นอนประเภทนี้เสื่อมสภาพแล้วจะเกิดอาการเปื่อย ทำให้เกิดขุย ซึ่งผลส่งต่อระบบทางเดินหายใจได้

4. ที่นอนสปริง (Spring Mattress)

จัดอยู่ในกลุ่มที่ประเภทที่นอนที่มีการผสมระหว่างวัสดุธรรมชาติ วัสดุสังเคราะห์ และเทคโนโลยีที่ช่วยรองรับและกระจายน้ำหนักเข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้ที่นอนประเภทนี้เป็นเป็นที่นอนยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งมีคุณสมบัติในด้านความยืดหยุ่นและการคืนตัวที่ดี มีน้ำหนักเบากว่าที่นอนประเภทอื่น มีโครงสปริงที่อยู่ภายใน ซึ่งจะทำให้มีความหนามากกว่าที่นอนประเภทอื่น ปัจจุบันที่นอนสปริงถูกแบ่งออกได้อีก 3 แบบ ดังนี้

  • ที่นอนบอนแนลล์สปริง (Bonnell Spring Matress) เป็นสปริงแบบดั้งเดิม รูปทรงนาฬิกาทราย จุดด้อยของสปริงตัวนี้คือการยึดสปริงแต่ละลูกเข้าไปในที่นอนทั้งหลังได้ไม่แน่นเท่าที่ควร จึงทำให้ขดลวดสปริงล้มง่าย มีโอกาสก่อให้เกิดการเสียดสีกันระหว่างสปริง ทำให้เกิดเสียงดัง
  • ที่นอนออฟฟเซตสปริง (Offset Spring Mattress) สปริงประเภทนี้ถูกพัฒนามาจากบอนแนลล์สปริง จะมีความแข็งแรงกว่า เพราะหัวสปริงมีขอบสีเหลี่ยมทำให้นึกกับสปริงได้แข็งแรง และไม่เกิดการเสียดสีของสปริง แต่จุดด้อย คือจะมีความแข็งกระด้าน ไม่ยืนหยุ่นทำให้เวลานอนอาจะส่งผลรบกวนกับคนที่นอนด้วย
  • ที่นอนพ็กเก็ตสปริง (Pocket Spring Mattress) เป็นสปริงที่ถูกอยู่ในถุงผ้าเป็นลูก ๆ ติด ๆ กัน ทำให้สปริงแต่ละลูกสามารถยืดหกได้อย่างอิสระ จะไม่มีปัญหาเวลานอน มีความยืดหยุ่น แถมรับรองน้ำหนักได้ดี แถมมีอายุการใช้งานสูงอีกด้วย
ที่นอนคุณภาพดีสมราคา

5. ที่นอนฟองน้ำ (Sponge Mattress)

คือที่นอนที่ทำมาจากการบีบอัดฟองน้ำชิ้นเล็ก ๆ เข้าด้วยกันตามกระบวนการเคมี แล้วนำมาขึ้นรูปทรงต่าง ๆ จนได้กลายเป็นที่นอน โดยส่วนมากที่นอนประเภทนี้มักจะนำไปผสมกับวัสดุธรรมประเภทอื่น ๆ เพื่อทำให้ที่นอนมีความแข็งมากขึ้น และสามารถรองรับการนอนได้ จุดเด่นของที่นอนประเภทนี้จะเป็นที่นอนนุ่ม น้ำหนักเบา ส่วนอายุการใช้งานก็ขึ้นกับเกรดของฟองน้ำแต่ละแบบ จุดด้อยของที่นอนประเภทนี้คือ หากใช้ฟองน้ำที่ไม่มีคุณภาพอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ มีการระบายที่ไม่ดี ทำให้เกิดกลิ่นอับได้ง่าย และมีความหนาแน่นน้อย เกิดการยุบตัวได้ง่าย

การจะนอนที่นอนดี ๆ สักหลังที่เหมาะกับตัวเอง อันดับแรกควรรู้ก่อนว่าที่นอนแข็งหรือนุ่มดี หรือที่นอนแน่นๆดีที่เหมาะกับสภาพร่างกายและรู้จักประเภทเบื้องต้นของที่นอนแต่ละแบบว่าแตกต่างกันอย่างไร เหมือนกับที่นอน Komfy แต่ละรุ่น ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับกับการใช้งานของแต่ละบุคคล เพื่อสร้างความรู้สึกในการนอนที่แตกต่างกัน จุดเด่นของที่นอนที่ผลิตจาก คอมฟี่ คือมีโครงสร้างพิเศษและระบบฐานรองรับน้ำหนักภายใต้คอนเซปต์ Support & Komfort Layer ประกอบด้วยชั้นต่าง ๆ ถึง 3 ชั้น Kloud Posture Latex ที่ช่วยรองรับเวลาปรับเปลี่ยนท่านอน ชั้น Signatory Pocket Spring สปริงแยกอิสระช่วยสลายแรงกดทับพร้อมรองรับสรีระทุกส่วนและชั้น Komfort Balance Foam ชั้นเลเยอร์โฟมพิเศษ ช่วยให้อากาศหมุนเวียนถ่ายเทสะดวก รองรับน้ำหนักอย่างสมดุลอีกด้วย

3 เคล็ด(ไม่)ลับ เลือกหมอนลดอาการปวดคอ

พบเคล็ดลับกับวิธีการเลือกหมอนลดอาการปวดคอ เพราะช่วงนี้หันไปทางไหน พูดคุยกับใครก็เจอแต่ปัญหาด้านสุขภาพโดยเฉพาะเรื่อง “ปวดคอ” พอถามหาสาเหตุ ส่วนใหญ่ก็ว่ากันว่า เพราะนอนตกหมอนบ้าง หมอนหนุนไม่ดีบ้าง หมอนสูงเกินไปบ้าง ปัญหาเรื่องหมอนแทบจะเป็นสาเหตุหลักที่พบเจอมากในกลุ่มคนที่มีอาการปวดคอ ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากเรารู้จักวิธีการเลือกหมอนลดอาการปวดคอประเภทที่เหมาะกับเรา ปัญหาความปวดเมื่อยนั้นก็จะลดน้อยลง และทำให้การนอนหลับของเรามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นเลยทีเดียว เหมือนกับหมอนของ Komfy ที่สร้างสรรค์ออกมาเพื่อรองรับการใช้งานของในรูปแบบที่แตกต่างกัน ดังนั้น วันนี้เราจะมาบอกเคล็ด(ไม่)ลับในการเลือกหมอนที่ช่วยในการบรรเทาอาการปวดคอให้ลดน้อยลง

3 เคล็ด(ไม่)ลับ เลือกหมอนลดอาการปวดคอ

เคล็ดลับที่ 1 คุณภาพวัสดุของหมอน

สิ่งแรกที่เราควรคำนึงถึงเป็นอย่างแรก เวลาเราเลือกซื้อหมอนนอนหนุนหรือหมอนรองคอ คือคุณภาพและคุณสมบัติของวัสดุหมอน เพราะหมอนแต่ละแบบจะทำจากวัสดุที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ดังนั้นคุณสมบัติของวัสดุหมอนแต่ละใบจะมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความนุ่มเบา การพองตัวสูง การคืนรูปทรงเมื่อใช้งาน รวมถึงการระบายอากาศของหมอน ซึ่งโดยทั่วไปหมอนลดอาการปวดคอจะทำจากวัสดุหลัก ๆ อยู่ 2 ประเภท ได้แก่

หมอนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ

  • หมอนจากขนสัตว์ปีก ได้แก่ หมอนขนเป็ด ขนห่าน หมอนกลุ่มนี้จะให้ความนุ่ม เบา สามารถเข้าถึงช่องว่างระหว่างคอศีรษะและที่นอนได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีโครงร่างใหญ่ ด้วยความนุ่มยวบพิเศษของหมอน
  • หมอนที่ทำมาจากใยธรรมชาติ เช่น ใยฝ้าย จะมีเนื้อที่นุ่มและแน่น เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะมีการยุบตัว ทำให้หมอนมีเนื้อข้างในที่แข็ง ดังนั้น หมอนที่ทำมาจากวัสดุใยฝ้ายจึงเป็นหนึ่งในวัสดุที่ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดคอ
  • หมอนที่ทำจากเมล็ดพืช ได้แก่ หมอนที่ทำจากเมล็ดถั่วต่าง ๆ รวมถึงเมล็ดพืชที่มีขนาดเล็ก จุดเด่นของหมอนประเภทนี้จะมีการระบายอากาศที่ดี ช่วยให้ศีรษะเย็นสบาย สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงตามการขยับของร่างกาย รวมถึงการปรับตามสรีระของผู้นอนอีกด้วย หมอนประเภทนี้เป็นอีกหนึ่งแบบที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดคอ เพราะหมอนที่ทำจากเมล็ดพืชจะช่วยประคองต้นคอของคุณได้
  • หมอนน้ำ คือหมอนที่มีการบรรจุน้ำไว้ด้านใน มีการไหลลื่นเหมือนลูกโป่ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหัว และผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง

หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์

  • หมอนใยสังเคราะห์ เป็นหมอนที่มีความนุ่มเบา มีการพองตัวสูง เมื่อนอนแล้วยุบ หมอนใบนี้จะสามารถคืนรูปทรงได้เหมือนเดิม หมอนใยสังเคราะห์สามารถรองรับคอ และศีรษะได้ดีเวลาหนุนนอน ซึ่งตรงกับสินค้าของ Komfy ได้เลือกผสมผสานเส้นใยสังเคราะห์ ที่มีขนาดเล็กละเอียดพิเศษ และเส้นใยหลายขนาด ทำให้ไม่จับตัวเป็นก้อน มอบสัมผัสที่นุ่มสบายพิเศษ และยังช่วยในการโอบรับศีรษะและความเว้าโค้งของต้นคอได้ถูกต้องตามสรีระ
  • หมอนยางพาราและหมอนโฟม คือหมอนที่อัดฉีดจากยางพาราและโฟม หลายคนคุ้นเคยดีกับการนอนด้วยหมอนยางพารา โดยสินค้าจาก Komfy ก็มีหมอนรุ่นที่ทำจากยางพาราตอบโจทย์คนที่เคยชินกับความนุ่มแน่นของวัสดุชนิดนี้เช่นกัน ซึ่งหมอนยางพาราจะไม่สามารถโดนน้ำหรือตากแดดได้ เพราะจะทำให้เนื้อในของหมอนแข็ง จนไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีก ดังนั้นวิธีการรักษาต้องทำอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ
หมอนลดอาการปวด

เคล็ดลับที่ 2 กำหนดความสูงของหมอนให้เหมาะสมกับท่านอน

สำหรับคนชอบนอนหงาย ควรใช้หมอนที่มีความนุ่มแน่นและไม่สูงมาก เพื่อหนุนให้ศีรษะอยู่เหนือระดับเดียวกับลำตัว และหมอนควรมีการรองรับส่วนเว้าของกระดูกคอ ถ้าใช้หมอนสูงเกินไปก็จะทำให้เกิดอาการปวดคอ แล้วยังทำให้หายใจลำบากอีกด้วยซึ่งหากใช้หมอนที่แข็งจนเกินไปก็จะทำให้เลือดจะไหลเวียนไม่สะดวก เกิดอาการชาได้ อาจส่งผลกับข้อต่อกระดูกต้นคอและเส้นประสาท

สำหรับคนที่ชอบนอนตะแคง ควรเลือกหมอนที่มีความสูงเท่ากับความสูงของไหล่เรา เพื่อให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว หมอนจำเป็นจะต้องรองรับคอได้พอดี ท่านอนตะแคงหมอนจะต้องไม่นิ่มจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อคอถูกยืดออกไปมากทั้งยังเกิดแรงกดที่หัวไหล่ สำหรับใครที่ชอบนอนตะแคงควรใช้หมอนข้างรองไว้ระหว่าขา จะช่วยให้กระดูกสันหลังและสะโพกอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน ทำให้ไม่เกิดการคดงอของกระดูกสันหลัง ซึ่งก่อให้เกิดอาการปวดหลังและสะโพก

สำหรับคนที่ชอบนอนคว่ำ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นท่านอนที่ไม่แนะนำ เพราะท่านอนนี้จะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพมากที่สุด โดยเฉพาะต้นคอ อีกทั้งยังทำให้หายใจไม่สะดวก แต่หากใครที่ชอบนอนท่านี้จริง แนะนำให้เอาหมอนหนุนไว้ใต้หน้าอกแล้วให้ส่วนของศีรษะตะแคงทาบอยู่บนเตียง ในระดับเดียวกับลำตัว จะช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายขึ้น

เคล็ดลับที่ 3 เลือกไซส์หมอนให้เหมาะสมกับการนอน

หมอนในปัจจุบันมีมากมายหลายขนาดกันมาก ไม่ว่าจะเป็นหมอนขนาดยูโร(Euro) หมอนทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ หมอนขนาดมาตรฐาน (Standard) ที่มีลักษณะเป็นหมอนสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เราใช้กันเป็นส่วนใหญ่ หมอนข้าง (Bolster) ที่มีขนาดผอมยาวเหมือนขอนไม้กลม ที่ส่วนใหญ่เรามักเอาไว้ใช้นอนกอด เป็นต้น ฉะนั้นการเลือกขนาดหมอน เราควรเลือกหมอนที่มีการรองรับศีรษะเราได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดขนาดที่เราหนุนนอน

การเลือกหมอนรองคอเพื่อสุขภาพหรือหมอนที่นอนสบายที่สุด จะช่วยลดอาการปวดคอนั้น ควรเลือกจากวัสดุที่มีคุณภาพและเลือกเหมาะสมกับผู้นอน หมอนหลับสบายที่ดีควรเป็นหมอนที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ และมีลักษณะที่เหมาะกับท่าทางในการนั่งและการนอนของเรา หมอน Komfy มีไซส์ขนาดความสูงของหมอนให้เลือกมากมายหลากหลายแบบ แต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติและลักษณะเด่นที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานของแต่ละบุคคล หากยังไม่รู้ว่าหมอนแบบไหนที่เหมาะกับเรา สามารถเข้าไปชมหมอนที่ถูกสุขลักษณะพร้อมรายละเอียดได้ที่หน้าสินค้าบนเว็บไซต์ หรือสามารถติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชียวชาญได้ที่ Line : @komfy

บรรเทาโรคออฟฟิศซินโดรมอย่างไรให้ไกลหมอ

ออฟฟิศซินโดรมเป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับกับพนักงานออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ต้องทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานหรือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งในท่าซ้ำ ๆ ข้อมูลเชิงสถิติโดยโรงพยาบาลสมิติเวช พบว่า คนไทยกว่า 80% ที่ทำงานออฟฟิศมักมีอาการออฟฟิศซินโดรม โดยสาเหตุที่เกิดมาจากพฤติกรรมการทำงาน สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน รวมถึงสภาพร่างกายของคนเรา หลายคนกังวลโดยเฉพาะเมื่อเราจำเป็นจะต้องหาหมอ กับการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยกายภาพบำบัด หรือฝังเข็ม ซึ่งจริง ๆ แล้ว เราสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง หรือหาไอเท็มเสริมมาช่วยบรรเทาอาการนี้ Komfy ได้มีการสร้างสรรค์หมอนขึ้นมาหลายรุ่น เพื่อให้รองรับกับการใช้งานที่แตกต่างกัน รวมถึงหมอนที่ช่วยบรรเทาอาการปวดของโรคนี้อีกด้วย แต่ก่อนที่เราจะไปหาวิธีการแก้ไขวิธีต่าง ๆ เราจำเป็นต้องรู้จักก่อนว่าโรคนี้คือโรคอะไร…

ออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรมคืออะไร?

คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial pain syndrome) ที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ ที่สภาพแวดล้อมแวดล้อมในที่ทำงานไม่เหมาะสม จนก่อให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น หลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ ไม่เพียงเท่านี้ ออฟฟิศซินโดรมยังปวดหัวเป็นอาการข้างเคียงอีกด้วย สาเหตุหลักเกิดจากรูปแบบการทำงานที่กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเจอร์นานเกินไปโดยไม่ขยับร่างกาย ผ่อนคลาย หรือเปลี่ยนท่า ซึ่งอาจจะส่งผลกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง รวมไปถึงอาการชาที่บริเวณแขนหรือมือ จากการที่เส้นประสาทส่วนปลายถูกกดทับอย่างต่อเนื่อง มีการแสดงอาการหลากหลาย โดยเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น คอ บ่า ไหล่ สะบัก และหลัง ส่วนใหญ่มักพบอาการปวดเป็นบริเวณกว้าง หรือบางครั้งไม่สามารถระบุตำแหน่งอาการปวดได้อย่างชัดเจน บางคนอาจจะเจออาการปวดไปยังตำแหน่งต่าง ๆ ของร่ายกายได้ มีอาการตั้งแต่ปวดน้อยไปจนปวดมาก

ออฟฟิศซินโดรม

สาเหตุการเกิดโรคเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

  • สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่ทำงานที่มีแสงสว่างน้อย อุปกรณ์ที่ใช้ไม่เหมาะสม โต๊ะทำงานอยู่ในระดับที่ไม่พอดี ตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์มีระยะที่สูงหรือต่ำจนเกินไป รวมถึงเก้าอี้ที่นั่งไม่มีพนักพิง ที่ไม่เหมาะสมกับโครงสร้างของร่างกาย
  • ท่านั่งทำงานไม่เหมาะสม หมายถึง การนั่งทำงานหลังค่อม หลังงอ นั่งบนเก้าอี้ที่ไม่มีที่พิง หรือนั่งไม่เต็มก้น กอดอก นั่งไขว่ห้าง หรือนั่งอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ ไม่มีการขยับเขยื้อนไปไหน
  • สภาพร่างกายอื่น ๆ ที่ส่งผลต่ออาการป่วย ยกตัวอย่างเช่น ความเครียดจากการทำงาน การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การได้รับสารอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ หรือรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
ออฟฟิศซินโดรม

การป้องกันและรักษาเพื่อบรรเทาอาการโดยไม่ต้องพึ่งคุณหมอ

สามารถทำได้หลายทาง การป้องกันแต่ละวิธีจะช่วยให้เรามีความสุขกับการทำงานที่ปราศจากการปวด โดยมีวิธีดังนี้

  • แก้โรคออฟฟิศซินโดรมด้วยการออกกำลังกาย ยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีที่แก้ไขได้ง่ายที่สุด โดยการออกกำลังจะต้องเป็นเป็นการออกกำลังกายด้วยท่าที่เหมาะสมกับอาการ ยกตัวอย่างเช่น การยืดกล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น การออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อให้เหมาะสม หมายถึง การไม่นั่งทำงานอยู่ในท่าทางเดิมเกิน 1 ชั่วโมง หากจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง ควรพัก 10-15 นาทีแล้วค่อยกลับมาทำต่อ
  • การปรับเปลี่ยนท่าทางขณะนั่งทำงาน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น ปรับหน้าจอคอให้อยู่ในระดับสายตา ในท่านั่งที่รู้สึกสบาย ปรับระดับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้หรือปรับพนักพิงหลังของเก้าอี้ให้รับกับหลังส่วนล่างได้ หากเก้าอี้ไม่สามารถทำให้ได้ให้ใช้หมอนหนุนหลังหรือหมอนลดอาการปวดหลังแทน โดยหมอนหนุนควรเป็นหมอนที่นั่งพิงสบาย จะให้ดีควรรองรับได้ตั้งแต่ช่วงแขนไปถึงการโอบหลัง
ออฟฟิศซินโดรม

หากมีการปรับพฤติกรรมตัวเองเพื่อป้องกัน บรรเทาโรคนี้จากคำแนะนำข้างต้นแล้ว และอยากมีไอเท็มหมอนหนุนเสริมเพื่อเอาไว้พิงหลังช่วยบรรเทาอาการเพิ่มเติม หากกำลังมองหาไอเดียว่าควรเลือกหมอนแก้อาการปวดหลังอย่างไร แต่เราขอแนะนำ หมอน Kool Komfort Kalm หมอนสำหรับคนชอบนั่งทำงานหรือทำกิจกรรมเดียวเป็นเวลานาน ๆ หมอนใบนี้สามารถเอาไว้ได้ทั้งพิงหลังและรองแขน แถมยังเป็นหมอนลดอาการปวดคอ เพื่อช่วยบรรเทาอาการที่จะเกิดจากโรคนี้ได้อีกด้วย

หมอนจัดท่านอนช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพจริงหรือ?

หมอนจัดท่านอนคืออะไร หมอนช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพจริงหรือ ปัญหาที่หลาย ๆ คนเจอเกี่ยวกับสุขภาพ แต่อาจมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัวซึ่งมีส่วนเป็นต้นเหตุในการส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยตรงของเรา ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของการนอน การนอนที่ไม่ได้มีแค่เรื่องของที่นอน บรรยากาศห้องนอน หรือการนอนไม่หลับเพียงแค่นี้ แต่ยังมีเรื่องของ “หมอน” ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการนอนของแต่ละคน Komfy จึงสร้างสรรค์หมอนจัดท่านอนให้เข้ากับสรีระ และวิธีการนอนของแต่ละคนขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องคำนึงถึงด้วย


การเลือกหมอนที่ไม่ถูกกับสรีระร่างกายและท่านอนของเรา อาจทำให้มีปัญหาด้านอื่น ๆ ตามมาได้ แม้ว่าการนอนครั้งแรก ๆ เรานอนแล้วจะดูไม่มีปัญหาหรือรู้สึกปวดอะไร แต่หากนอนหมอนที่ไม่ถูกกับสรีระร่างกายและลักษณะการนอนของเราไปนาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดสะสมได้ในอนาคต ซึ่งโดยปกติท่านอนของคนทั่วไปอาจแบ่งได้ 3 ท่านอนหลัก นอนหงาย นอนตะแคง และนอนคว่ำ ดังนี้

หมอนจัดท่านอน

ท่านอนหงาย

เป็นท่านอนที่คนทั่วไปนิยมนอนกันมากที่สุด เพราะเป็นท่านอนที่ตอบโจทย์ได้ดีสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง การนอนหงายจะทำให้กระดูกสันหลังเรียงตัวได้ดี ไม่โค้งงอ แต่ทั้งนี้เตียงของเราจะต้องไม่แข็งเกินไปเพราะถ้าหากเตียงแข็งเกินไปอาจจะส่งผลให้เกิดแรงกดทับที่จุดใดจุดหนึ่ง ทำให้แผ่นหลังจมลงตามน้ำหนัก ไม่เหยียดตรงอย่างที่ควรจะเป็น สำหรับคนที่มีอาการปวดหลังจากโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบรัดเส้นประสาท(Lumbar Spinal Stenosis) คนที่เป็นโรคนี้ ไม่ว่าจะนอนท่าไหนก็สามารถทำให้ปวดหลังได้อยู่แล้ว เว้นแต่จะนอนในท่าที่มีการงอเข่าขึ้น โดยสามารถนำหมอนมารองใต้เข่าในท่าหงาย นอนตะแคงโดยยกเข่าก่ายหมอนข้าง หรือนอนท่าเด็กทารก(Fetal Position) โค้งตัวและงอเข่า จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้


ทริคในการเลือกหมอนที่นอนสบายที่สุดสำหรับคนที่ชอบนอนหงาย ควรเลือกหมอนช่วยนอนหงายที่สูงระดับปานกลาง เพื่อหนุนศีรษะ กระดูกช่วงคอและไหล่ ให้เรียงตัวอยู่ในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ ถ้าหากใช้หมอนสูงเกินไปอาจทำให้ปวดต้นคอและทำให้หายใจลำบาก ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดกอาการกรนได้ สำหรับหมอนที่แนะนำ จะต้องเป็นหมอนที่ถูกออกแบบมาให้มีส่วนโค้ง เว้า เพื่อรองรับกับศีรษะและกระดูกสันหลัง เพื่อรับแรงกดทับของศีรษะและคอ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก แต่หากใครมีอาการปวดหลังจากท่านอนหงายก็สามารถใช้หมอนอีกใบรองใต้เข่า เพื่อลดความโค้งของกระดูกสันหลังส่วนล่าง ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้

ท่านอนตะแคง

หากใครที่ชอบนอนตะแคงข้าง แนะนำให้นอนตะแคงข้างด้านขวามากกว่าด้านซ้าย เพราะการนอนตะแคงขวาจะไม่ทำให้น้ำหนักไปกดทับอวัยวะที่อยู่ด้านซ้าย และช่วยให้หัวใจเต้นได้สะดวกกว่า สำหรับท่านอนตะแคงข้างไม่แนะนำให้สำหรับคนที่มีอาการปวดไหล่ เพราะจะทำให้ไหล่มีอาการปวดหนักขึ้นกว่าเดิม


ทริคในการเลือกหมอนนอนตะแคง หรือหมอนช่วยนอนตะแคงสำหรับคนชอบนอนตะแคงข้าง ควรเลือกหมอนที่สูงพอดีที่จะเติมเต็มช่องว่างระหว่างศีรษะ คอ และไหล่ เพื่อป้องกันไม้ให้กระดูกสันหลังโค้ง เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้เราปวดต้นคอได้ ในส่วนของตัวหมอนควรเป็นหมอนที่แน่น ไม่ยุบง่าย หรือจะใช้เป็นหมอนสองใบก็สามารถทำได้ โดยหมอนใบหนึ่งใช้หนุนศีรษะ โดยหมอนจะต้องไม่สูงเกินไป หากจะให้ดีควรเป็นหมอนที่สูงเท่ากับระดับความจากไหล่มายังศีรษะของแต่ละคน ซึ่งศีรษะต้องอยู่ในแนวเดียวกับกึ่งกลางลำตัว ส่วนหมอนอีกใบควรเป็นหมอนข้างที่เอาไว้ระหว่างขา เพื่อให้สะโพกอยู่ในระนาบเดียวกับกระดูกสันหลัง

หมอนจัดท่านอน

ท่านอนคว่ำ

ท่านอนคว่ำ จริง ๆ แล้วเป็นท่านอนที่ไม่แนะนำเลย ท่านอนนี้ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะจะส่งผลทำให้กระตูกสันหลังส่วนเอวโค้งไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป นอกจากนี้เวลานอนท่าคว่ำก็จะต้องตะแคงหน้าไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งทำให้กระดูกต้นคอบิดไปด้วย จะส่งผลให้คอเอียงไปด้านข้าง อาจเป็นอันตรายและสะสมทำให้เกิดอาการปวดเนื้อปวดตัว เมื่อยตามร่างกายได้ ดังนั้นท่านอนนี้จึงเป็นท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด แนะนำให้เปลี่ยนมานอนหงาย หรือนอนตะแคงแทนจะดีกว่า


แต่หากใครชอบที่จะนอนท่าคว่ำ หรือไม่สะดวกสบายในการเปลี่ยนท่านอน การเลือกหมอนช่วยนอนคว่ำสำหรับท่านอนนี้อาจเป็นเรื่องที่ยากหน่อย เพราะหมอนแบ่งออกได้เป็นหลายชนิดหลายรูปทรง ดังนั้น ในช่วงแรกอาจจะต้องทดลองใช้หมอนในแต่ละแบบก่อนประมาณ 2-3 เดือน เพื่อประเมินหาหมอนที่เหมาะกับสรีระและลักษณะการนอนแบบคว่ำของแต่ละคน เพื่อให้ได้หมอนที่แมตช์กับผู้นอนมากที่สุด


สำหรับทุกท่านอนที่กล่าวมา หมอนที่เหมาะกับทุกท่านอน ควรเลือกหมอนสุขภาพ ที่ผลิตจากใยสังเคราะห์หรือหมอนยางพาราจะดีกว่า เพราะจะช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพในด้านต่าง ๆ ได้ โดยหมอนที่เราจะขอแนะนำคือ หมอน คิว บายคอมฟี่ (q pillow by komfy) หมอนที่นอนหลับสบายที่สุด เป็นหมอนจัดท่านอนรูปทรงตัว q หมอน 2 in 1 ในใบเดียว ที่เป็นได้ทั้งหมอนหนุนและหมอนข้างในตัว มีผิวสัมผัสนุ่ม ช่วยผ่อนคลายต้นคอ บรรเทาอาการกดทับ และลดการเกิดอาการปวดต่าง ๆ แถมยังเป็นหมอนระบายอากาศดี รองรับกับทุกท่วงท่านอน แถมยังช่วยจัดท่านอนให้เหมาะสมกับสรีระของร่างกาย เพื่อให้คุณได้หลับสบายตลอดคืน