บรรเทาโรคกรดไหลย้อน ได้ง่ายๆ ด้วย “หมอน” ใบเดียว

โรคกรดไหลย้อน หรือ Gastroesophageal เป็นภาวะกรดไหลย้อนเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารรั่วไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหารอย่างต่อเนื่อง จากคอไปยังกระเพาะอาหารของคุณ กรดไหลย้อนเกิดขึ้นเนื่องจากวาล์วที่ส่วนปลายของหลอดอาหาร กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารปิดไม่สนิทเมื่ออาหารมาถึงกระเพาะ กรดไหลย้อนจะไหลย้อนกลับผ่านหลอดอาหารเข้าสู่ลำคอและปาก ทำให้ได้รับรสเปรี้ยว 

โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกคนในบางช่วงของชีวิต การมีกรดไหลย้อนและอาการเสียดท้องในบางครั้งอาจมีอาการไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าคุณมีอาการกรดไหลย้อนรุนแรง จนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ /  แนะนำการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่เพียงเพื่อบรรเทาอาการของคุณ แต่เนื่องจาก GERD สามารถนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงมากขึ้น แต่ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ แนวทางการบรรเทาโรคกรดไหลย้อนแบบใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งแพทย์ ง่ายๆด้วย “หมอน” ใบเดียว

ลักษณะอาการภาวะกรดไหลย้อน

อาการทั่วไปของกรดไหลย้อน

  1. มีอาการเสียดท้อง ปวดแสบ ปวดร้อนหรือรู้สึกไม่สบายที่อาจเคลื่อนจากท้องไปที่อก หรือแม้กระทั่งถึงคอ
  2. อาเจียน เป็นกรดรสเปรี้ยวหรือรสขมในลำคอหรือปากของคุณ

เช็ก 5 สัญญาณเตือนอาการกรดไหลย้อนเพิ่มเติมคลิกอ่าน

อาการอื่นๆ ของโรคกรดไหลย้อน ได้แก่:

  1. ท้องอืด
  2. อุจจาระเป็นเลือดหรือสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือด
  3. มีอาการเรอเปรี้ยว
  4. Dysphagia – ความรู้สึกของอาหารติดอยู่ในลำคอของคุณ
  5. สะอึกไม่หาย
  6. ลดน้ำหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ
  7. หายใจมีเสียงหวีดไอแห้งเสียงแหบ หรือเจ็บคอเรื้อรัง
ทำ 5 สิ่งนี้ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

การป้องกันโรคกรดไหลย้อนกับ 5 สิ่งที่ต้องทำตลอดทั้งวัน

ปรับไลฟ์สไตล์ของคุณให้เป็นวิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อน ผ่าน “กฎ 5 ข้อ” กับ 5 ประเด็นสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามในระหว่างวัน ระหว่างมื้ออาหาร และหลังมื้ออาหารของคุณ

แอคทีฟอยู่เสมอ

พยายามออกกำลังกายเป็นประจำ แม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็กล้าพูดเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน การลดน้ำหนักจะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

ห้ามสูบบุหรี่

สาเหตุสำคัญของการไหลย้อนคือ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร นิโคตินเป็นสารประกอบอัลคาลอยด์ชนิดหนึ่ง ไม่มีสี ซึ่งพบในต้นยาสูบทุกสายพันธุ์ สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ พยายามหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองในงานปาร์ตี้และงานอื่น ๆ ถ้าเป็นไปได้

อย่ากินมื้อดึก

อาจเป็นเรื่องยากหากคุณเป็นนกฮูกกลางคืนหรือไปงานสังสรรค์ แต่หากคุณไม่อยากประสบกับปัญหากรดไหลย้อน จงพยายามหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักหลังอาหารเย็นและเลือกของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ แทน

จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ของคุณ

ไม่ว่าจะเป็นไวน์กับอาหารค่ำ หรือเบียร์หลังเลิกงาน หรือแอลกอฮอล์ใด ๆ ก็ตาม ก็สามารถทำให้กรดไหลย้อนกับตัวคุณได้

อาหารรสจัด หรือมัน

การทานอาหารรสจัดหรือมันจะสร้างความระคายเคืองบริเวณหูรูดกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัดเช่นน้ำมะนาว น้ำส้ม และรสเผ็ดจัดเช่นพริก พริกไทย

ทำ 5 สิ่งนี้ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

แนวทางการรักษากรดไหลย้อนด้วยหมอนจาก Komfy

ในปัจจุบันเรามีนวัตกรรมสินค้าตัวใหม่ ๆ เข้ามาไม่ขาดสาย รวมถึงหมอนกันกรดไหลย้อนด้วย Komfy เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการพัฒนาสินค้าอย่าง “Kool Komfort Wave” หมอนบรรเทาอาการกรดไหลย้อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนโดยเฉพาะในขณะนอนหลับ ไม่สามารถนอนราบได้ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องการหายใจขณะนอนหลับของคุณได้ ด้วยดีไซน์ของหมอนเป็นทรงคลื่น ช่วยเติมเต็มส่วนโค้งเว้าของแผ่นหลัง บรรเทาอาการปวดหลัง และ เสริมด้วยหมอน Bambi เพิ่มความสบายในการนอนมากยิ่งขึ้น 

หมอน KOOL KOMFORT WAVE พัฒนาตามคำแนะนำของแพทย์

Komfy เราเข้าใจถึงปัญหาความทรมาน จากอาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืน โดยหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาที่ดีคือ การยกหัวให้สูง ซึ่งแพทย์แนะนำความสูงที่ประมาณ 12” เราจึงพัฒนาหมอน KOOL KOMFORT WAVE ขึ้นตามความสูงที่แพทย์แนะนำ เพื่อช่วยยกตัวของผู้นอนให้สูงขึ้น อยู่ในระนาบที่จะช่วยไม่ให้กรดย้อนขึ้นมาบริเวณที่หน้าอกปัญหาด้านสุขภาพไม่ใช่สิ่งเล็ก ๆ ที่เราจะไม่ดูแล เพราะถ้าหากเราไม่ดูแลรักษาตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ มันอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ จนสุดท้ายกลายเป็นโรคกรดไหลย้อนเรื้อรังได้ หากใครมีโอกาสที่ดูแลตัวเองได้ตั้งแต่ตอนนี้ เราขอเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะช่วยทำให้คุณจบปัญหากับโรคกรดไหลย้อนขณะที่นอนหลับ

วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อนด้วยหมอนใบเดียว

โรคออฟฟิศซินโดรม ที่มนุษย์ออฟฟิศ และ มนุษย์ WFH ต้องระวัง

โรคออฟฟิศซินโดรม เป็นที่มาของอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ที่มักพบได้บ่อยในคนที่ทำงานออฟฟิศหรือกลุ่มวัยทำงาน ที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน และยิ่งในปัจจุบันจากสถาการณ์โควิด 19 ระบาดหนักขึ้นทำให้หลาย ๆ บริษัทหันมา work from home หรือทำงานที่บ้านกันมากขึ้น แม้ว่าในช่วงแรก หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าความสุขของชีวิตการทำงานกำลังจะเข้ามา เพราะเราไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องไปเจอผู้คนมากมายในชั่วโมงเร่งด่วน และได้ทำงานแบบสบายอยู่ที่บ้านได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น กลับกลายเป็นเรากำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้ตัว เพราะเราอาจจะพบว่า ตัวเองเราเองนั้นใช้เวลาอยู่หน้าจอมากขึ้นกว่าปกติ ฉะนั้นมนุษย์ออฟฟิศทุกคนควรระวัง! เพราะอาการปวดหลังอาจไม่ได้มาจากออฟฟิศอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นเพราะ Work from Home ด้วยนะ 

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร?

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออาการปวดหลัง ที่ปวดในกระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อที่เกิดจากการนั่งหรืออยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน

สาเหตุออฟฟิศซินโดรม เกิดจากอะไร?

โดยส่วนใหญ่แล้ว ออฟฟิศซินโดรมจะเกิดขึ้นในขณะใช้งานคอมพิวเตอร์เวลาที่ทำงาน ความเจ็บปวดและความรุนแรงนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาในตอนแรก อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง โรคปวดหลัง โรคหมอนรองกระดูกสันหลัง และกระดูกสันหลังผิดปกติ ท่าทางและความสามารถในการทำงานหรือเคลื่อนไหวตามปกติของเราอาจได้รับผลกระทบ

โรคออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?

อาการของโรคออฟฟิศซินโดรมมีอะไรบ้าง

  • มีอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ 
  • ปวดหัว 
  • อาการชาที่นิ้วและแขน
  • ตาแห้ง
  • เวียนหัว
  • รู้สึกความเหนื่อยล้ากว่าปกติ

โดยอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมจะพบมากในอาการปวดคอและร่างกายส่วนบน ซึ่งหาเราเป็นโรคนี้มันจะสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และประสิทธิภาพการทำงาน ไม่เพียงแต่ในระหว่างการทำงาน แต่ยังรวมถึงคุณภาพชีวิตของคุณในยามว่างด้วย

โรคออฟฟิศซินโดรมจะมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุหลายปัจจัย ได้แก่ เค้าโครงพื้นที่ทำงานที่ไม่ถูกต้อง ความสูงของโต๊ะที่ไม่เหมาะสม การวางตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ถูกต้อง และการนั่งเป็นเวลานานจะทำให้เอนตัวไปข้างหน้า ทำให้กล้ามเนื้อคอและหลังยึดได้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจจะทำให้อาการปวดของเราพัฒนาไปสู่อาการออฟฟิศซินโดรม

วิธีการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม 

การจัดการกับปัญหาโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น

ท่านั่งแก้ปวดหลัง และการจัดที่นั่งทำงานให้เหมาะสม

  • วางตำแหน่งด้านบนของจอภาพไว้ด้านหน้าแนวสายตาของคุณ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าศีรษะของคุณตั้งตรงเหนือคอและไม่เอนไปข้างหน้าไปทางจอภาพ สิ่งนี้จะช่วยป้องกันอาการงอนและความเครียดที่กล้ามเนื้อคอของคุณ
  • ผ่อนคลายไหล่ของคุณ!
  • วางแขนท่อนล่างขนานกับพื้น
  • งอข้อศอกทำมุม 90-100 องศา ทำให้เกิด “รูปตัว L”
  • นั่งตัวตรงและพักบนพนักพิงหลังของเก้าอี้ ใช้ผ้าขนหนูม้วนหลังส่วนโค้งหลังส่วนล่างเพื่อรองรับหากจำเป็น
  • รักษาช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างเข่ากับเก้าอี้
  • เข่าอยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าสะโพกเล็กน้อย
  • วางเท้าราบกับพื้นหรือใช้ที่พักเท้าเพื่อยกขึ้นหากจำเป็น
  • รักษาน้ำหนักให้เท่ากันทั้งสองขาและเท้าหากอยู่ในท่ายืน
  • เปลี่ยนตำแหน่งของคุณหรือหยุดพักทุก ๆ 20 – 30 นาที! (ดูเคล็ดลับการออกกำลังกายของเราด้านล่าง!)

การขยับร่างกายผ่าน 4 ท่าในขณะที่นั่งทำงาน เพื่อเพิ่มช่วงพักการเคลื่อนไหวของคุณ

  1. การยืดคอ: ป้องกันอาการปวดคอและไหล่ตึง
  2. Seated Spine Twist: เพื่อคลายและยกกลางหลัง
  3. การยืดข้อมือ: เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมือแน่นขณะพิมพ์
  4. Seated Pigeon Stretch: เพื่อคลายและป้องกันสะโพกตึงและคลายหลังส่วนล่าง

ใช้หมอนรองหลัง

หรือหาก 2 วิธีข้างต้นอาจจะไม่ถูกใจใคร ๆ คน เราก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยคุณได้ง่าย ๆ ได้เช่นกัน นั่นคือ “หมอนตัว U” หรือ “หมอนรองหลัง Kool Komfort Kalm” ที่จะช่วยหนุนร่างกายในขณะที่เรานั่งทำงาน มีที่วางรองโน๊ตบุ้ค ดีไซน์รองรับตั้งแต่ช่วงแขนไปถึงการโอบแผ่นหลัง แน่นอนว่าหมอนใบนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาอาการปวดหลังได้อย่างแน่นอน และสบายยิ่งขึ้น ด้วยเนื้อผ้า K2 Kool นวัตกรรมการทอเส้นใยพิเศษที่ให้ความเย็นสบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่ว่าจะนั่งทำงานทั้งวัน หรือต่อด้วยการดูซีรีย์ก็รองรับบอกลาอาการปวดเมื่อย

บรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมได้ด้วยหมอนรองหลัง

ทำไมเราถึงใส่ใจในการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม?

สำหรับคนที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน อาจจะไม่รู้จักโรคนี้มากนักเท่าไหร่ แต่อยากจะบอกไว้เลยว่า แรก ๆ ของโรคออฟฟิศซินโดรมก็แค่ปวดกล้ามเนื้อ แต่พอเราปล่อยไว้นาน ๆ ขึ้นมันจะทำให้เราเองที่รู้สึกรำคาญกับอาการปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เพราะไม่มีใครคนไหนที่ชอบอยู่ในความเจ็บปวดหรอกจริงไหม หากเราไม่ระวังไว้ตั้งแต่เนิน ๆ เราอาจจะต้องรู้สึกไม่สบายอาจถึงขั้นที่เราต้องกินยาหรือทำกายภาพบำบัดกันเลยนะ!

แสบร้อนกลางอก” เช็ค 5 สัญญาณเตือนโรคกรดไหลย้อน

“แสบร้อนกลางอก หายใจไม่สะดวก เพราะกรดไหลย้อน” คำนี้หลายคนคงได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ อาการนี้เรียกได้ว่า ถ้าใครเป็นจะรู้สึกทรมานอยู่พอควร แน่นอนว่าไม่มีใครคนไหนที่อยากเป็นหรอกจริงไหมคะ โรคกรดไหลย้อนสามารถทำให้คุณทรมาน และเป็นเรื้อรัง ได้หากไม่ได้รับการรักษา 

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการรักษากรดไหลย้อนและแก้ปัญหาอาการแสบกลางอก หายใจไม่สะดวก แน่นหัวใจ พร้อม เช็ค 5 สัญญาณเตือนจากโรคกรดไหลย้อนว่าจะมีอะไรกันบ้าง

สาเหตุของภาวะกรดไหลย้อนเกิดจากอะไรบ้าง?

โรคกรดไหลย้อน หรือ GERD (Gastroesophageal reflux disease) เป็นโรคที่เกิดจากการไหลย้อนของสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหาร ที่ไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหาร โดยปกติหลังรับประทาน ร่างกายคนเราจะมีการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารอยู่บ้าง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคนี้จะมีปริมาณกรดที่ย้อนมากขึ้นหรือย้อนบ่อยกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรค 

ปัจจัยที่สามารถนำไปสู่โรคกรดไหลย้อน ได้แก่:

กดทับหน้าท้อง

สตรีมีครรภ์บางคนมีอาการเสียดท้องเกือบทุกวันเนื่องจากการกดทับที่เพิ่มขึ้นที่บริเวณหน้าท้องที่มากเกินไป นี่อาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุในการเกิดกรดไหลย้อน โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์

ทานอาหารแล้วนอน

การทานอาหารแล้วนอนเป็นหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน เนื่องจากการนอนจะทำให้หูรูดมีการทำงานที่ไม่ดี เกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นไปได้

อาหารรสจัดและมัน

อาหารบางประเภทเช่น นม อาหารรสเผ็ดหรือของทอด และนิสัยการกิน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออาการกรดไหลย้อน

ยา

ยาที่รวมถึงยาสำหรับโรคหอบหืด ความดันโลหิตสูง และภูมิแพ้ เช่นเดียวกับยาแก้ปวด ยากล่อมประสาท และยาต้านอาการซึมเศร้า

ไส้เลื่อนกระบังลม 

การเป็นไส้เลื่อนกระบังลม ส่วนบนของกระเพาะจะนูนเข้าไปในไดอะแฟรม ขัดขวางการรับประทานอาหารตามปกติ

อาการกรดไหลย้อนที่พบบ่อยที่สุดคือ:

5 อาการกรดไหลย้อน

1. คลื่นไส้อาเจียนตอนเช้า

โรคกรดไหลย้อน กรดในกระเพาะอาหารจะกลับไปที่ปากและหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และรสเปรี้ยวในปากที่ไม่ดี ซึ่งมักเกิดขึ้นในตอนเช้า เนื่องจากมีช่องว่างยาวระหว่างอาหารเย็นกับอาหารเช้าในเช้าวันรุ่งขึ้น

2. มีอาการเสียดท้องอยู่บ่อย ๆ  

หากคุณมีอาการเสียดท้องมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นประจำ รับรองว่าอาการนี้ไม่ปกติ โดยเริ่มจากบริเวณหน้าท้องและขยายไปถึงลำคอ อาการเสียดท้องมักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหาร

3. อาการไอแห้งเรื้อรัง หรือ เสียงแหบ

นอกจากอาการเสียดท้องแล้ว หากมีอาการไอโดยไม่ทราบสาเหตุและรุนแรงขึ้นในตอนกลางคืน นั่นมีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเป็นโรคกรดไหลย้อน เพราะอาการไอแห้งเรื้อรังเป็นหนึ่งในอาการหลักของโรคนี้ รวมถึงหากมีอาการกรดไหลย้อน ย้อนเข้าสู่กล่องเสียงของคุณ นั่นก็อาจจะทำให้คุณเกิดอาการเสียงแหบและเจ็บคอโดยไม่มีเหตุผลชัดเจนได้เช่นกัน

4. อาการเจ็บหน้าอก

อาการปวดที่เริ่มสูงขึ้นในช่องท้องเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งของโรคกรดไหลย้อน อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้สึกเจ็บที่หน้าอกเพิ่มขึ้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

5. กลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์

แม้ว่าคุณจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ หากคุณใช้มินต์และหมากฝรั่งเพื่อกลบกลิ่นปากเป็นประจำ อาจเป็นกรณีของโรคกรดไหลย้อนได้ เนื่องจากมีกรดไหลย้อนขึ้นมา อาจทำให้คุณมีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ 

กรดไหลย้อนเรื้อรัง พบได้บ่อยแค่ไหน?

โรคกรดไหลย้อนถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก เพราะสามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย แต่หากคุณมีแนวโน้มที่น้ำหนักเกินหรืออ้วน อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ มีการสูบบุหรี่หรือสัมผัสกับควันบุหรี่มือสองเป็นประจำ รวมถึงการใช้ยาบางชนิดที่อาจทำให้เกิดกรดไหลย้อน นั่นแปลว่าคุณอาจจะมีความเสี่ยงที่เป็นโรคกรดไหลย้อนมากกว่าคนปกติทั่วไป

วิธีบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

ท่านอนคนเป็นกรดไหลย้อน

ท่านอนคนเป็นกรดไหลย้อนที่จะแนะนำ คือการนอนนอนตะแคงซ้าย เพราะท้องของคุณอยู่ใต้หลอดอาหาร ซึ่งทำให้กรดไหลย้อนยากขึ้น หากกรดในกระเพาะหลุดออกมา แรงโน้มถ่วงสามารถคืนกรดในกระเพาะอาหารได้เร็วกว่าเมื่ออยู่ทางด้านขวาหรือบนหลังของคุณ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ด้านซ้ายมักจะเป็นด้านที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงให้เกิดอาการกรดไหลย้อน 

นอกจากนี้การยกศีรษะของเตียงให้สูงขึ้น หรือหาหมอนที่ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนอย่าง หมอน Kool Komfort Wave หรือหมอนกันกรดไหลย้อน ที่จะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนโดยเฉพาะในขณะนอนหลับ ที่ไม่สามารถนอนราบได้ เพราะตัวหมอนรุ่นนี้จะช่วยยกตัวของผู้นอนให้สูงขึ้น อยู่ในระนาบที่จะช่วยไม่ให้กรดย้อนขึ้นมาบริเวณที่หน้าอก ผสมรวมกับการนอนในท่านอนกรดไหลย้อนควบคู่กันก็จะช่วยให้คุณจบปัญหาอาการกรดไหลย้อนได้ง่าย ๆ 

ท่านอนกรดไหลย้อน ช่วยบรรเทาอาการได้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตบางอย่างมีประโยชน์อย่างมากในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อนและอาการของโรคกรดไหลย้อน เช่น การรักษาน้ำหนัก และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง การรับประทานอาหารมื้อเล็กและบ่อย ไม่กินเผ็ดหรืออาหารที่เลี่ยนเกินไป 

ถ้าหากคุณมีอาการแสบร้อนกลางอก หายใจไม่สะดวก และคาดว่าจะเป็นสาเหตุจากอาการกรดไหลย้อน ลองหมั่นเช็กพฤติกรรมของคุณตามรายละเอียดข้างต้น และอย่าละเลยกับโรคนี้ ดูแลรักษาตัวคุณเองตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม