วิธีนอนให้หลับ หากจำเป็นต้องนอนหมอนสูง

รูปคนนอนราบแล้วเจ็บหน้าอกเอามือกุมไว้

ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวาย คือหนึ่งในอาการของโรคหัวใจที่พบได้มากในทุกช่วงวัย โดยเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ใช่ภาวะหัวใจหยุดเต้น แต่เป็นภาวะที่หัวใจทำงานล้มเหลว มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงหรือขาดความยืดหยุ่น ไม่สามารถสูบเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้เพียงพอ ทำให้อวัยวะขาดออกซิเจนและหัวใจจะไม่สามารถรับเลือดกลับเข้าสู่หัวใจได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ หรือเกิดอาการหัวใจวายขณะนอนหลับได้

และหนึ่งในอาการที่พบได้ทั่วไปคือ เมื่อนอนราบแล้วเกิดอาการเหนื่อย นอนราบแล้วเวียนหัว อาการบ้านหมุน แน่นหน้าอก หายใจลำบากหลังจากนอนไป 1-2 ชั่วโมง ส่งผลให้ต้องลุกมานั่งเพื่อให้อาการทุเลา กระทบต่อคุณภาพเป็นสำคัญ เราจึงจำเป็นต้องหาวิธีนอนให้หลับเพื่อรับมือต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ไอคอนรูปคนนอนแล้วเวียนหัว

สาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว

1.ภาวะหัวใจล้มเหลวที่เกิดในระยะสุดท้ายของโรคหัวใจ หรือเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรคอื่น ได้แก่

  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก 
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างเต็มที่ 
  • กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่อาจเกิดจากแอลกอฮอล์ และสารเสพติด 
  • ความผิดปกติของหัวใจโดยกำเนิด 
  • การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น โรคเอดส์ เป็นต้น

2.ภาวะหัวใจล้มเหลวอันมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่ 

  • รับประทานยาที่ทำให้เกิดการกดการทำงานของหัวใจ 
  • รับประทานอาหารเค็มในปริมาณมากเกินไป 
  • สูบบุหรี่เป็นประจำ 
  • ขาดการออกกำลังกาย และพักผ่อนไม่เพียงพอ
แทรกภาพมนุษย์ออฟฟิศที่ทำงานหนัก

โดยวิธีนอนให้หลับเพื่อแก้ปัญหาอาการนอนราบแล้วเวียนหัวที่ง่ายที่สุดคือการปรับเปลี่ยนท่านอนให้อยู่ในท่า Fowler Position หรือการนอนหงายยกศรีษะสูง 60 ถึง 90 องศา ด้วยการใช้หมอน Kool Komfort Wave เข้ามาช่วยปรับท่านอนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

ซึ่งหมอน Kool Komfort Wave ได้รับการออกแบบให้จุดที่สูงที่สุดสูงถึง 12 นิ้ว พร้อมหน้าสัมผัสแบบลอนลูกคลื่นสามารถรองรับสรีระช่วงแผ่นหลังและซัพพอร์ตช่วงคอได้เป็นอย่างดี ช่วยให้การนอนในท่า Fowler Position ตามคำแนะนำของแพทย์หลับสบายมากยิ่งขึ้น

การพักผ่อนที่ดี ส่งผลต่อสุขภาพที่ดี

  อีกทั้งวัสดุที่ใช้ในการผลิตหมอนของ Komfy นั้นยังปลอดภัยกับผู้ที่มีผิวอ่อนโยนและเป็นภูมิแพ้ ด้วยเทคโนโลยีเส้นใย Komfy Downy เส้นใยเฉพาะของ Komfy ที่มาพร้อมผ้าหุ้มที่ให้สัมผัสนุ่ม ลื่น เย็นสบาย ผ่อนคลายกว่าที่เคย Komfy ได้ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำจากอิตาลีเกิดเป็นผ้า K2 Kool มอบสัมผัสที่แตกต่างไม่เหมือนใครแก่ผู้ใช้งาน

สามารถทดลองนอนได้แล้วที่ Shop Komfy ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 8 สาขา หรือสนใจสั่งซื้อสินค้ากับน้อง K Kare ได้ทาง Line @ : @komfy

ภาพคนนอนหลับสบายบน Wave

ท่านอนหงายที่ว่าดี แต่…ทำไมนอนหงายแล้วปวดหลัง?

ทำไมนอนหงายแล้วปวดหลัง? หลายท่านคงจะเคยประสบกับปัญหาเหล่านี้กันใช่ไหมคะ? มีปัจจัยมากมาย ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังเวลานอนหงายนั้น อาทิ เช่น การที่กระดูกสันหลังคด หรือที่นอนที่ไม่เหมาะสม มีลักษณะที่แข็งเกินไป หรือ นุ่มเกินไป ไม่รองรับกับสรีระร่างกาย อาจเกิดการกดทับตามจุดต่างๆ ปวดหลังหลังตื่นนอน หากละเลยและปล่อยไว้อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ การที่จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างถูกต้องที่สุดนั่นก็คือ การเปลี่ยนที่นอน 

การเลือกที่นอนแก้ปวดหลัง

          การเปลี่ยนที่นอนนั้น ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายๆคน เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ราคา คุณภาพ สัมผัมความนุ่มแน่นที่เหมาะสม และในคนบางกลุ่มอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นมากนัก แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเปลี่ยนที่นอนนั้น อาจจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด และสามารถที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพการนอนและร่างกายได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการลดอาการปวดหลังเฉียบพลัน เพราะการที่เรานอนบนที่นอนที่มีความเหมาะสมกับสรีระร่างกาย จะช่วยทำให้คุณนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม บรรเทาอาการปวดเมื่อย และยังส่งผลที่ดีต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย เพราะการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ แต่ในการเปลี่ยนที่นอนก็ยังคงมีปัจจัยในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง สำหรับบางท่านจึงเลือกใช้ท็อปเปอร์ ที่มีราคาถูกลงกว่าการลงทุนซื้อที่นอนทั้งหลังเพื่อที่จะช่วยซัพพอร์ตเรื่องการนอนในระยะสั้นได้

อาการปวดหลังจากการนอนหงายบนที่นอนแน่น

         หากที่นอนที่ใช้อยู่มีสัมผัสที่แน่นเกินไป จะทำให้การที่เกิดช่องว่างที่ไม่แนบสนิทกันระหว่างแผ่นหลังและที่นอน และการที่เกิดช่องว่างระหว่างแผ่นหลังกับที่นอนนั้น เป็นต้นเหตุของอาการนอนแล้วปวดหลังช่วงล่างได้ วิธีการแก้ไขเพื่อลดอาการดังกล่าว คือการเปลี่ยนที่นอนที่มีลักษณะรองรับสรีระและลดการกดทับ เพราะการที่เรานอนที่นอนแข็งหรือแน่นเกินไปนอกจากจะทำให้เกิดแรงกดทับตามร่างกายแล้วยังทำให้ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามบริเวณต่างๆของร่างกายตามมาได้อีก และวิธีการแก้ไขอีกหนึ่งวิธีก็คือการนำหมอนใบเล็กมาวางไว้ใต้เข่าในท่านอนหงาย การนอนในลักษณะนี้จะทำให้แผ่นหลังแนบชิดติดกับที่นอน ลดการเกิดช่องว่างระหว่างหลังและที่นอน และลดอาการปวดหลังอีกด้วยค่ะ

Kradle Underkicks หมอนรองเข่าทรงครึ่งวงกลม ที่ออกแบบดีไซน์เติมเต็มและรองรับส่วนโค้งเว้าของหัวเข่า และในการยกขาสูงยังช่วยให้แผ่นหลังยืดตรงและแนบสนิทกับที่นอนมากขึ้นอีกด้วย พร้อมด้วยวัสดุคุณภาพที่คัดสรรเป็นอย่างดี เช่น ผ้าหุ้ม K2 Kool มอบสัมผัสเย็นสบาย ช่วยในเรื่องการระบายอากาศได้เป็นอย่างดี พร้อมเส้นใย Komfy Downy ที่ละเอียดกว่าเส้นใยทั่วไป 15 เท่า ถูกนวดปูใยให้มีสัมผัสความนุ่มแน่น ช่วยรองรับสรีระและมอบความสบายคลายอาการนอนปวดหลังทุกคืน

หรืออีกหนึ่งตัวช่วย ที่จะลดปัญหาที่นอนที่มีสัมผัสแน่นเกินไป คือ Topper Kool Kloud Downy ท็อปเปอร์หนานุ่มถึง 4 นิ้ว ที่มอบสัมผัสนุ่มสบายโอบสรีระ ด้วยเส้นใย Komfy Downy ที่มีความละเอียด พร้อมการดีไซน์เย็บเป็นบล็อก ช่วยยึกตัวใยและยืดอายุการใช้งานได้อย่างยาวนาน

อาการปวดหลังจากท่านอนหงายบนที่นอนนุ่ม

          อาการปวดหลังจากท่านอนหงายของที่นอนที่มีลักษณะที่นุ่มเกินไปก็สามารถทำให้ปวดหลังได้เช่นกัน เกิดเนื่องจากความยวบของที่นอนและน้ำหนักตัวในแต่ละบุคคล สรีระที่แตกต่างกัน จึงทำให้เวลานอนหงายร่างกายไม่ถูกต้านจากตัวที่นอน ไม่มีการรองรับที่เหมาะสม จนทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามจุดต่างๆ วิธีการแก้ไขนอกจากการเปลี่ยนที่นอนให้มีลักษณะที่แน่นเฟิร์มขึ้นมา หรือใช้ท็อปเปอร์เสริมความแน่นแล้ว ก็สามารถแก้ไขได้อีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือการปรับท่านอนเป็นท่านอนตะแคงและดอดหมอนข้างที่โค้งเข้าสรีระ (หมอนข้างทรงตัว J) จะช่วยเสริมให้กระดูกสันหลังตรง ช่วยจัดสรีระท่านอนได้ถูกต้องและยังบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้อีกด้วยค่ะ

ทำไมนอนราบ แล้วเวียนศรีษะ หรือบ้านหมุน

อาการนอนราบแล้วเวียนหัว สามารถแก้ได้ง่ายๆ นะ

“เวียนศีรษะ” เป็นอาการที่แทบทุกคนต้องเคยเจอกับตัวเองมาบ้าง ซึ่งลักษณะอาการโดยรวมก็คือ จะเกิดอาการมึนหัว รู้สึกมึนงง รู้สึกร่างกายลอยๆ โคลงเคลง ไม่มั่นคง หรืออย่างที่เรียกกันว่า “อาการบ้านหมุน” ตื่นนอนแล้วเวียนหัวบ้านหมุน รวมไปถึงอาจมีอาการหน้ามืดร่วมด้วย  โดยอาการเวียนศีรษะสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่อาจจะพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งบางคนเมื่อเกิดอาการเหล่านี้อาจมองเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็สามารถเป็นได้ แต่บางครั้งอาการเวียนศีรษะก็เป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นของโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน

อาการเวียนหัว เป็นหนึ่งในอาการที่หลายคนจะต้องเจอกับตัวอย่างน้อยสักครั้งในหนึ่งเดือน โดยสาเหตุอาจจะมาจากปัจจัยเรื่องของสุขภาพ หรือการพักผ่อน แต่บางคนที่ประสบปัญหาเวียนหัว บ้านหมุน ทันทีหลังตื่นนอน เรามีคำอธิบายให้เข้าใจยิ่งกันง่ายๆ โดยสาเหตุหลักของการเกิดอาการบ้านหมุนเวลานอนนั้นมีอยู่ 2 สาเหตุด้วยกัน คือ โรคน้ำในหูชั้นในผิดปกติหรือโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) และ โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนหรือโรคเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่า (benign paroxysmal positioning vertigo: BPPV)


เข้าใจกับอาการเวียนหัวบ้านหมุนตอนตื่นนอนให้มากขึ้น!

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เกิดจากความผิดปกติของน้ำในหูที่อยู่ภายในหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะอย่างรุนแรง สูญเสียสมดุลร่างกาย อาการเวียนหัวจากโรคนี้อาจอยู่นานเป็นชั่วโมงๆ เลย ต่อมาคือ โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน เป็นโรคอันดับต้นๆ ของคนที่มีอาการนอนราบแล้วเวียนหัว หรือบ้านหมุนเวลาตื่นนอน สามารถพบได้ในคนอายุระหว่าง 30-70 ปี โดยส่วนมากมักเกิดกับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยโรคนี้สามารถได้เกิดกับหูทั้ง 2 ข้าง หรือเกิดในหูข้างใดข้างหนึ่งก็ได้เช่นกัน
การรักษาอาการบ้านหมุนหลังตื่นนอนในระดับเบื้องต้น สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง อย่างเช่น เคลื่อนไหวช้าลงเมื่อมีอาการเวียนหัว, หลีกเลี่ยนการหมุนศีรษะเร็วๆ, ลดปริมาณบุหรี่ หรือกาแฟ, หลีกเลี่ยงการพักผ่อนไม่เพียงพอ และทีสำคัญคือการนอนหนุนศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อย จะช่วยบรรเทาอาการนอนแล้วเวียนหัวบ้านหมุนได้ดีกว่านอนราบ

โดยทั่วไปการทรงตัวของมนุษย์จะเกิดจากการทำงานประสานกันของอวัยวะ 3 ส่วน ที่มีความสำคัญ

  1. สายตา
  2. ระบบประสาทรับความรู้สึก
  3. ประสาทหูชั้นใน โดยมีสมองเป็นศูนย์กลางการสั่งการและคอยควบคุมการทำงานต่างๆ ให้เกิดความสมดุล

ตัวอย่างเช่น การเดินในชีวิตประจำวัน สายตาจะมองภาพต่างๆ เพื่อเก็บเป็นข้อมูลให้กับสมองว่าควรจะเคลื่อนที่อย่างไร ระบบประสาทรับความรู้สึกจะรู้ว่าขาได้เคลื่อนที่ออกไป และหูชั้นในจะคอยปรับสภาพการทรงตัวให้พอดีกับแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้ไม่เดินเซไปมา ทุกอย่างจะทำงานอย่างสัมพันธ์กัน แต่หากความสมดุลที่รักษาไว้ไม่คงที่อีกต่อไป…อาจทำให้เกิด “อาการเวียนหัว บ้านหมุน” ขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งสาเหตุออกได้ 2 กลุ่ม คือ

  • โรคน้ำในหูชั้นในผิดปกติหรือโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่พบว่าอาการของโรคเป็นผลจากความผิดปกติของน้ำที่อยู่ภายในหูชั้นใน ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุนอย่างรุนแรงร่วมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียนและสูญเสียสมดุลของร่างกาย ทำให้เซหรือล้มได้ง่าย อาการเวียนศีรษะที่เกิดจากโรคนี้อาจนานเป็นนาทีจนถึงหลายชั่วโมง หรืออาจเกิดอาการบ้านหมุนหลังตื่นนอน ซึ่งในระหว่างที่เกิดอาการ ผู้ป่วยควรอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับศีรษะ เพราะอาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ นอนพลิกตัวแล้วบ้านหมุน นอกจากนี้ผู้ป่วยยังอาจมีการได้ยินลดลงและมีเสียงดังในหู บางครั้งอาจพบอาการหูอื้อได้ด้วย
  • โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนหรือโรคเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่า (benign paroxysmal positioning vertigo: BPPV) เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการเวียนหัวตอนตื่นนอน ที่พบได้บ่อยที่สุด โรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของหูชั้นใน จึงพบมากในผู้สูงอายุ อาการเฉพาะของโรคนี้คืออาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่เกิดขึ้นทันทีทันใดในขณะเปลี่ยนท่าทางของศีรษะ เช่น ระหว่างกำลังล้มตัวลงนอนหรือลุกจากที่นอน เงยหน้า ก้มหยิบของ เป็นต้น อาการมักจะเป็นระยะเวลาสั้นๆเป็นแค่ช่วงวินาทีที่ขยับศีรษะแล้วอาการจะค่อยๆหายไป ผู้ป่วยโรคนี้จะไม่มีอาการหูอื้อ ไม่พบการสูญเสียการได้ยินหรือเสียงผิดปกติในหู (ยกเว้นในรายที่เป็นโรคหูอยู่ก่อนแล้ว) รวมถึงไม่มีอาการทางระบบประสาท เช่น แขนขาชาหรืออ่อนแรง

บ้านหมุน เกิดกับใครได้บ้าง?

อาการบ้านหมุน หรือ โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน พบได้ในคนอายุ 30-70 ปี ส่วนมากมักเกิดกับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย อัตราส่วนประมาณ 2:1 โดยโรคสามารถได้เกิดกับหูทั้ง 2 ข้าง แต่โดยทั่วไปมักเกิดกับหูเพียงข้างเดียว


สาเหตุของโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน

สาเหตุที่ทำให้หินปูนในหูชั้นในเคลื่อน ได้แก่ การเกิดอุบัติเหตุ การกระแทกบริเวณศีรษะ ความเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น มีภาวะอักเสบในหูชั้นใน มีการผ่าตัดหูชั้นกลางหรือใน มีการเคลื่อนไหวศีรษะซ้ำ ๆ เช่น การทำงานที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ


การรักษา อาการเวียนหัว บ้านหมุน

  • พยายามอย่านอนราบไปกับพื้น แต่ให้นอนหนุนศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อย จะช่วยบรรเทาอาการนอนแล้วเวียนหัวบ้านหมุนได้ดีกว่า
  • เมื่อเริ่มมีอาการเวียนหัว บ้านหมุน ให้พยายามระมัดระวัง เคลื่อนไหวให้ช้าลง เพื่อป้องกันการหกล้ม
  • หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะในระหว่างเกิดอาการ เช่น การหมุนหันศีรษะเร็วๆ การเปลี่ยนแปลงท่าทาง อิริยาบถอย่างรวดเร็ว การก้ม เงยคอ หรือหันอย่างเต็มที่
  • ลดปริมาณ หรืองดการสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ

ไอเท็มที่จะช่วยบรรเทาให้ การนอนศรีษะสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อบรรเทาอาการนอนราบแล้วเวียนศรีษะ

รูปภาพของหญิงสาวนอนบนที่นอน SleepKomfy

Kool Komfort Wave หมอนที่ดีไซน์ความสูง 12” ช่วยยกสรีระร่างกายให้สูงขึ้น และยังคงการซัพพอร์ตช่วงหลังด้วย ดีไซน์เคิร์ฟ ที่มีความโค้งนูนแต่ละส่วนแตกต่างกัน ช่วยเติมเต็มส่วนโค้งเว้าของช่วงหลังและรองรับน้ำหนักของผู้นอน ให้รู้สึกสบายบรรเทาอาการปวดหลัง คอบ่าไหล่อีกด้วย

3 นวัตกรรมที่ช่วยบรรเทาอาการบ้านหมุนหลังตื่นนอน!

หมอน Kool Komfort Wave จึงเป็นหมอนที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อบรรเทาอาการนอนแล้วเวียนหัวโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ของหมอนที่มีความสูงถึง 12 นิ้ว ช่วงยกร่างกายให้สูงขึ้นตามสรีระที่ถูกต้อง พร้อมกับมีซัพพอร์ตหลังเพื่อให้เวลานอนรู้สึกสบาย บรรเทาอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ ได้อีกด้วย นอกจากดีไซน์แล้ว เทคโนโลยีของหมอนใบนี้ยังมีความพิเศษไม่แพ้กัน

  • Air Kool ผ้าลายตาข่ายดีไซน์พิเศษ ที่ช่วยในการระบายอากาศได้อย่างดี หมดปัญหาเวลานอนหนุนหมอนบอดี้แล้วรู้สึกร้อนอึดอัด ไม่สบายตัว
  • K2 Kool นวัตกรรมเฉพาะของหมอน Kool Komfort Wave เป็นเนื้อผ้าให้ความเย็นสบาย มีผิวสัมผัสที่นุ่ม ไม่เก็บความร้อน ทำให้รู้สึกสบายเวลาหนุนหมอน
  • Komfy Downy เส้นใยเอกลักษณ์เฉพาะที่มีความละเอียดมากๆ ทำให้หมอนมีความนุ่ม ละมุนผิว กระจายน้ำหนัก ไม่จับตัวเป็นก้อน โอบรับกับร่างกายได้ดีเวลานอน
    ทั้งดีไซน์และเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นมาอย่างรอบคอบ หมอน Kool Komfort Wave รุ่นนี้จึงเหมาะเป็นหมอนสำหรับบรรเทาอาการนอนราบแล้วเวียนหัวได้อย่างดี
Kool Komfort Wave

นวัตกรรมผ้าหุ้ม K2 Kool : กระบวนการทอแบบพิเศษให้สัมผัสเย็นสบาย ช่วยผ่อนคลายตลอดคืน ตาข่าย Air-Kool รอบตัวหมอนช่วยในการระบายอากาศไม่อับชื้น

เส้นใย Komfy Downy : เส้นใยทอละเอียดกว่าใยทั่วไป 15 เท่า ให้ความนุ่มนวลโอบรับสรีระ ไม่จับตัวเป็นก้อน ช่วยกระจายน้ำหนัก และแรงกดทับได้เป็นอย่างดี

ผ้าตาข่ายลักษณะพิเศษ Air Kool : ช่วยไล่ความร้อนและความชื้นได้ดีเยี่ยมลดความอับชื้น ต้นเหตุของการสะสมแบคทีเรีย ไม่จับตัวเป็นก้อน นุ่มสบาย


Ref :

https://www.phyathai.com

https://www.bumrungrad.com

นอนสบายขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่ !

ปวดเมื่อยตามตัว จนนอนไม่หลับ หรือปวดหลังตอนตื่นนอน หลายๆท่านคงเคยสงสัยกันใช่ไหมคะ ว่าเป็นเพราะอะไรกัน หมอน ที่นอน หรือร่างกายของตัวเราเอง ?

ร่างกายที่ต้องนั่งทำงานในท่าเดิมๆ กล้ามเนื้อยึดตึง จนกลายเป็นชาวออฟฟิตซินโดรมนั้นเอง ก็ส่งผลทำให้เวลาเรานอน ร่างกายไม่สามารถผ่อนคลาย และเกิดการเกร็งตามช่วงคอ บ่า และช่วงหลังได้ ทำให้การนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ตื่นนอนแล้วปวดหลัง วิธีการแก้ปัญหา คือการเปลี่ยนพฤติกรรมของชาวออฟฟิตแบบเราๆ เช่นการเปลี่ยนอิริยาบถเป็นประจำ ยืดเส้นเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างโยคะ ก็จะช่วยบรรเทาการยึดตึงของกล้ามเนื้อได้

นอนสบายขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่ !

การนอนคือช่วงเวลา 1 ส่วน 3 ของชีวิต ที่เราใช้เวลาอยู่กับเครื่องนอนตลอดทั้งคืน เครื่องนอนที่ไม่ลองรับสรีระร่างกายและท่านอน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาอาการปวดเมื่อยตามตัวหลังตื่นนอน การเลือกเครื่องนอนที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น สรีระร่างกาย  ความสูง น้ำหนัก ท่านอนที่นอนเป็นประจำ และแน่นอนความชอบของเรานั้นเอง ถึงจะดีต่อสุขภาพขนาดไหน แต่ถ้าไม่ตรงตามความชอบ ความสบายก็หายไปในทันที

Topper ที่นอน ดีอย่างไร ทำไมต้องมี? | ท็อปเปอร์ที่รองนอน Kool Kloud Downy Topper | SleepKomfy

เชื่อหรือไม่ถ้าเราจะบอกว่า อาการปวดเมื่อยตามตัวจนนอนไม่หลับ และ อาการปวดเมื่อยตามตัวหลังตื่นนอน เป็นอาการที่มีสาเหตุเหมือนกัน? บางคนอาจจะคิดว่าถ้าปวดเมื่อยก็กินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วนอนหลับ แต่พอตื่นนอนแล้วปวดหลังแทน สาเหตุหลักของอาการปวดเมื่อยตามตัวจนนอนไม่หลับไปจนถึงอาการปวดหลังตอนตื่นนอนนั้น เกิดจากกล้ามเนื้อยึดตึง เพราะร่างกายฝืนอยู่ในท่าที่ต้องตึงกล้ามเนื้อเป็นเวลานานๆ อย่างเช่นการนั่งทำงานในท่าเดิมๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของออฟฟิศซินโดรมอีกด้วย

แก้ปัญหาปวดหลังตอนตื่นนอนง่ายๆ เหมือนนับ 1 2 3  

หากมีอาการปวดเมื่อยตามตัวหลังตื่นนอน สาเหตุหลักๆ อาจจะเกิดจากที่นอนที่เก่า ยวบ ไม่คืนตัว ส่งผลให้เวลานอนหลับนั้น กล้ามเนื้อของเราต้องยืดตึงตลอดเวลา เพราะที่นอนไม่ซัพพอร์ทร่างกายได้อย่างเต็มที่ การเปลี่ยนที่นอนใหม่จึงเป็นการแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองก็จริง แต่การเปลี่ยนที่นอนใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะที่นอนเองก็มีราคาสูงมาก ดังนั้นเราหันมามองที่รองนอน หรือ ท็อปเปอร์ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แค่วางท็อปเปอร์บนที่นอนเก่า เวลานอนก็เหมือนได้เตียงใหม่แล้ว ประหยัดเงินกว่าซื้อเตียงใหม่ทั้งหลังอีกด้วย   

    วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับที่จะช่วยเสริมที่นอนของคุณให้สบายยิ่งขึ้น หลับได้อย่างเต็มอิ่ม อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบไม่ต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่อันแสนแพงทั้งหลัง นั่นคือ Topper  

ว่าแต่ที่นอนท็อปเปอร์คืออะไร ? ท็อปเปอร์คือเครื่องนอนที่ดีไซน์ให้สามารถวางบนที่นอนเก่าของคุณ และมอบสัมผัสใหม่ ตอบโจทย์ความสบายยิ่งขึ้น คุณรู้หรือไม่ว่าท็อปเปอร์ก็มีหลากหลายประเภทเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นท็อปเปอร์ขนเป็ดที่มีความนุ่มที่สุด ท็อปเปอร์เมมโมรี่โฟมมีความความแน่น หรือท็อปเปอร์ชนิดใยสังเคราะห์ ก็มีหลากหลายคุณภาพ หลากหลายราคา แต่ละชนิดก็ให้สัมผัสและข้อดีที่แตกต่างกัน

Kool Kloud Downy

   ท็อปเปอร์ Kool Kloud Downy เสริมความนุ่มสบายราวกับนอนบนเมฆ แบบฉบับของ Komfy ที่จะช่วยเสริมสร้างความนุ่มสบายให้กับที่นอนเก่าของคุณ มาพร้อมกับความหนานุ่มฟูถึง 4 นิ้วช่วยซัพพอร์ตการนอนและรองรับสรีระร่างกาย สามารถใช้ปูได้ทั้งที่นอนและบนพื้นยังคงให้นุ่ม

วัสดุภายในทำจากเส้นใย Komfy Downy ที่มีความละเอียดมากกว่าใยทั่วๆไปถึง 15 เท่า พร้อมกับให้สัมผัสนุ่มสบายราวกับขนห่านแต่ไม่ยวบแบน ดีไซน์ทรงตารางช่วยไม่ให้ใยจับตัวกันเป็นก้อน ด้วยการตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน Handcrafted อีกทั้งนวัตกรรม ผ้าหุ้ม K2Kool เย็นสบายทุกสัมผัสระบายอากาศได้ดีนำเข้าจากอิตาลี และตาข่าย Air Kool ที่สามารถช่วยระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม ไม่อบหรือดูดความร้อน พร้อมทั้ง  Zinc Treatment ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย หมดปัญหาตัวไรบนที่นอน แถมยังช่วยปลอบประโลมผิวและช่วยลดการเกิดสิว อ่อนโยนต่อสภาพผิว เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัน ใช้ได้ทั้งครอบครัว

ในการทำความสะอาดที่นอน ท็อปเปอร์ก็แสนง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องซักตัวที่นอน เพียงหากที่นอนเกิดคราบสกปรก สามารถใช้ผ้าชุบน้ำสบู่ถูอย่างเบามือเพื่อขจัดคราบได้เลยค่ะ และตากแดดอ่อนๆเพื่อให้อากาศถ่ายเทลดการอับชื้นก็เพียงพอแล้ว

ท็อปเปอร์ที่นอนแต่นวัตกรรมจัดเต็ม!

เมื่อพูดถึงท็อปเปอร์ดีๆ ก็ต้อง Kool Kloud Downy ตัวนี้ที่หนานุ่มกว่า 4 นิ้ว รองรับทุกสรีระของร่างกายได้อย่างเต็มที่ หมดปัญหาเรื่องตื่นนอนแล้วปวดหลังได้เลย ซึ่ง Kool Kloud Downy ไม่ได้มีดีแค่ความหนาเท่านั้น แต่ทุกรายละเอียดของท็อปเปอร์ได้ผ่านการคิดค้นมาแล้ว

  • ผ้าหุ้มท็อปเปอร์ K2 Kool นี้ทำมาจากเส้นใยละเอียดสูง ผสมผสานกับเส้นใยที่ถักทอพิเศษที่ช่วยเน้นการระบายอากาศ ไม่ว่าจะนอนตอนไหนก็รู้สึกเย็นสบาย
  • ผ้าตาข่าย Air Kool เป็นผ้าตาข่ายที่มีคุณสมบัติระบานความชื้นได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้ท็อปเปอร์ไม่เหม็นอับ ลดแบคทีเรีย ทำให้ที่นอนสะอาดตลอดเวลา
  • ผ้า Komfy Downy เป็นผ้าเส้นใยไมโครไฟเบอร์หลากหลายขนาด มีสัมผัสที่แน่น แต่นุ่มสบาย ไม่ระคายเคืองผิว
  • DovaSilQ เนื้อผ้าที่ใช้จำนวนเส้นด้ายในการทอมากกว่าผ้าปกติ เสริมด้วยเทคโนโลยีช่วยป้องกันตัวไรบนที่นอน และแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้
  • ดีไซน์ท็อปเปอร์แบบบล็อกตาราง ช่วยให้ใยด้านในท็อปเปอร์ไม่ให้จับตัวเป็นก้อน ยืดระยะการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
    นอกจากนี้ การทำความสะอาดท็อปเปอร์ Kool Kloud Downy ก็ยังง่ายดายกว่าที่คิดอีกด้วย เพราะไม่จำเป็นต้องซักที่นอน เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่มาถูเบาๆ ในบริเวณที่สกปรกแค่นี้ จากนั้นเอาท็อปเปอร์ไปตากแดดไม่กี่ชั่วโมง ก็กลับมาเหมือนใหม่แล้ว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : Kool Kloud Downy Topper

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แอดไลน์ : @Komfy

เคล็ดลับท่านอนที่ถูกต้องให้หลับอย่างเต็มอิ่มและถูกสรีระ

เคล็ดลับท่านอนที่ถูกต้องให้หลับอย่างเต็มอิ่มและถูกสรีระ

จะพูดว่านอนผิดชีวิตเปลี่ยน ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะคนเราใช้ชีวิต 1 ใน 3 ของวันไปกับการนอนแล้ว โดยการนอนหลับไม่ใช่เป็นเพียงแค่การผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้เวลาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย และคลายกล้ามเนื้อหลังจากใช้งานมาตลอดทั้งวัน ทั้งอาการเหนื่อยล้าจากการนั่งทำงาน และการเดินทางอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การนอนที่ไม่ถูกต้องก็อาจจะส่งผลให้อาการปวดเมื่อตามร่างกายแย่ลงได้นะ ดังนั้นการนอนด้วยท่านอนที่ดีที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ

 3 ท่านอนที่ถูกต้อง ลดอาการปวดเมื่อยของร่างกายได้ดีที่สุด

จริงๆ แล้วท่านอนที่ถูกต้อง และเป็นท่านอนที่ดีที่สุดนั้น ไม่ใช่ท่านอนที่แปลกพิศดารอะไรเลย เพราะมีแค่ นอนหงาย นอนตะแคง และนอนคว่ำ เท่านั้นเอง แต่เราจะอธิบายเสริมของแต่ละท่านอนว่าต้องนอนอย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด

อย่างแรกคือ ท่านอนหงาย ควรมีหมอนรองใต้หัวเข่า เพื่อช่วยให้แผ่นหลังแนบไปกับที่นอน ลดการโค้งงอของกระดูกสันหลัง จึงเหมาะเป็นท่านอนแก้ปวดหลังอย่างยิ่ง 

ต่อมาคือ ท่านอนตะแคงที่ถูกต้อง ควรมีหมอนข้างกอดระหว่างหัวเข่า เพื่อลดการบิดของสะโพก ซึ่งจริงๆ แล้ว ท่านอนตะแคงถือเป็นท่านอนที่สบายที่สุดด้วยนะ เพราะจะเป็นท่าเดียวกับทารกที่อยู่ในครรภ์นั่นเอง

สุดท้าย ท่านอนคว่ำ ต้องหาหมอนนิ่ม ๆ มาเสริมบริเวณใต้ท้องน้อยจนไปถึงสะโพก แต่ไม่แนะนำให้เป็นท่านอนประจำ เพราะจะหายใจไม่สะดวกเท่ากับท่านอน 2 ท่าก่อนหน้านี้

อีกหนึ่งตัวช่วยท่านอนที่ดีที่สุด

นอกจากท่านอนแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือหมอนที่เราหนุน จะต้องเป็นหมอนที่สูงพอดีกับร่างกาย รองรับทุกท่านอนได้ เพราะคนเรามักจะเปลี่ยนท่านอนอย่างน้อยสักครั้งเวลานอน หมอน Kool Kiss จึงถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งหมอนใบนี้สามารถนอนได้ทั้งท่านอนหงาย และนอนตะแคง ลดอาการกดทับ และการบิดงอของกระดูกอีกด้วย นอกจากนี้หมอน Kool Kiss เองยังมีเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาถึง 2 อย่างด้วยกัน

–          ผ้าหุ้ม K2 Kool เป็นผ้าที่ทอมาจากเส้นใยที่มีความละเอียดสูง นำมาทอให้ได้ผ้าที่มีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี  ถ่ายเทความร้อนจากต้นคอได้ง่าย

–          ผ้าตาข่าย Air Kool เป็นผ้าตาข่ายที่โปร่งโล่งสามารถระบายความร้อน และความชื้นได้อย่างยอดเยี่ยม หมดปัญหาเหงื่อออกเวลานอน ทำให้นอนหลับได้สนิท แถมพอลดเรื่องอับชื้นแล้ว ยังลดปัญหาแบคทีเรียอีกด้วย

ปัญหาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลังตื่นนอนที่ไม่ควรมองข้าม !!

  หลายคนคงได้สงสัยและตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับอาการปวดคอ ซึ่งเกิดมาจากหลายสาเหตุ อาการปวดบริเวณ ช่วงคอ บ่า และไหล่นั้น

  • ไม่ว่าจะเป็นอาการที่เกิดจากการปวดคอหลังจากจากตื่นนอน อาการคอเคล็ด หรือ คอตกหมอน
  • การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นั่งหรือยืนเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
  • จากการทำงานคอมพิวเตอร์ในออฟฟิตที่อยู่ในท่าเดิมๆเป็นเวลานานๆ จนทำในเกิดอาการปวดเมื่อยและกลายเป็น Office syndrome ในที่สุด
  • รวมถึงอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรืออุบัติเหตุ
  • การที่มีโรคประจำตัว เช่นอาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งเกิดจากความเครียด
  • ปัญหาในการนอนหลับไม่สนิท, สะดุ้งตื่นกลางดึก, หรือนอนเท่าไหร่ก็ไม่เต็มอิ่มสักที ทำให้ไม่รู้สึกสดชื่นหลังจากที่ตื่นนอน 

อาการเหล่านี้โดยส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการนอนและการใช้ชีวิตประจำวัน และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย แต่จะพบมากได้ใน ผู้สูงอายุ คนวัยทำงาน และผู้ที่มีปัญหาจากอาการบาดเจ็บ

ปัญหาเหล่านี้มาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยที่สั่งสมและส่งผลจนกลายเป็นอาการเรื้อรังได้ในอนาคต หากปล่อยไว้นานๆจะสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ การเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชียวชาญด้านกายภาพบำบัด อาจจะเป็นตัวช่วยในการแก้ปัญหาอาการปวดเรื้อรัง แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก็สำคัญไม่น้อยที่จะสามารถช่วยลดและบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ เช่นกัน พฤติกรรมดังกล่าวในการใช้ชีวิตประจำวัน และสิ่งที่สำคัญมากๆก็คือการนอน การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก การนอนหลับพักผ่อนในแต่ละคืนจะสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้ 

รูปภาพของหญิงสาวนอนบนที่นอน Komfy

เคล็ดลับง่ายๆที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกาย และตื่นขึ้นมาแบบสดชื่น

  1. การเข้านอนเป็นเวลา ในช่วงเวลา 22.00-06.00 น. เพราะร่างกายจะสามารถพักผ่อนได้เต็มที่จากการหลับลึก และจะเป็นช่วงที่ร่างกายหลังสาร Growth hormone 
  1. สภาพแวดล้อมของห้องนอน ที่ช่วยให้การนอนมีสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากลักษณะของเตียงนอนที่พอดี และหมอนที่เหมาะสมกับมีความสบายและ หมอนหนุนควรเลือกให้เข้ากับสรีระของร่างกาย  มีความนุ่มและขนาดที่พอดี ควรรี่ไฟให้สลัว หรือปิดไฟก่อนเข้านอนประมาณ 1 ชม. เพื่อเป็นตัวช่วยเตือนให้ร่างกายได้รับรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว และปรับอุณภูมิอากาศให้ถ่ายเท ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป 
  1. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เนื่องจาก คาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวทำให้หลับได้ยาก 
  1. หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายก่อนนอน เช่นการอาบน้ำอุ่น เปิด Playlist เพลงสบายๆ หรือการนั่งสมาธิ ที่จะทำให้ร่างกายหลังสาร Endorphin ออกมา ทำให้ร่างกายช่วยรู้สึกผ่อนคลายและสามารถช่วยให้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น 
  1. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังแบบยืดกล้ามเนื้อ เช่น การเล่นโยคะ เนื่องจากพื้นฐานของการเล่นโยคะจะช่วยในเรื่อการหายใจ ซึ่งจะช่วยให้ผ่อนคลายและหลับง่ายยิ่งขึ้น อีกหนึ่งกิจกรรมก็คือเวทเทรนนิ่ง ที่จะสามารถทำให้ร่างกายหลั่งสาร Adenosine ซึ่งเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ และมีผลต่อการนอนหลับ 
  1.  ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอน เพราะจะทำให้หลับยาก และร่างกายจะรู้สึกตื่นตัวส่งผลเสียต่อ Growth Hormone และทำให้ร่างกายจะเผาผลาญไขมันได้ช้ากว่าปกติ จึงส่งผลเสียต่อระบบเผาพลาญไขมัน  
  1. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่สามารถช่วยให้นอนหลับ เช่นวิตามินที่มีส่วนผสมของ Me 

ท่านอนแบบไหนที่ดีที่สุด แนะนำท่านอนลดอาการปวดหลัง

1. ท่านอนหงาย

แนะนำการนอนโดยมีหมอนรองใต้เข่า Kradle Underkicks ท่านี้จะช่วยให้แผ่นหลับแนบสนิทกับที่นอน ลดช่องว่างและการเกร็งบริเวณช่วงหลังล่าง ถือว่าเป็นท่านอนแก้ปวดหลังได้เลยทีเดียว

ท่านอนหงาย

2. ท่านอนตะแคง พร้อมกอดหมอนข้าง

ท่านอนตะแคงขวาได้ชื่อว่าเป็นท่าที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับท่านอนอื่น ๆ เพราะท่านี้จะทำให้หัวใจเต้นสะดวก ตัวหมอนควรดีไซน์รองรับใบหู​ลดการกดทับ พร้อมการกอดหมอนข้างตัวJ ที่ออกแบบให้รองรับช่วงหัวเข่า ลดการบิดของสะโพก บรรเทาอาการปวดช่วงหลัง

ท่านอนตะแคง พร้อมกอดหมอนข้าง

3. ท่านอนคว่ำ

ารนอนคว่ำช่วยบรรเทาอาการปวดตึงแผ่นหลัง แก้ปวดเมื่อยตามตัว ช่วยลดอาการดันโลหิตสูง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี และป้องกันการนอนกรนได้ดีขึ้น แต่จะต้องหาหมอนนิ่ม ๆ มาหนุนรองบริเวณใต้ท้องน้อยจนไปถึงสะโพก และรองหัวไปด้วยเพื่อไม่ให้ปวดต้นคอ และเพื่อป้องกันการเจ็บกระดูกสันหลัง แต่ท่านอนคว่ำควรใช้แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะการนอนคว่ำจะทำให้หายใจไม่สะดวก ไม่ควรใช้เป็นท่านอนประจำเด็ดขาด

ท่านอนคว่ำ

4. แต่ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่พลิกไปมาระหว่างคืน

ต้องไม่พลาดกับหมอน Kool Kiss จากแบรนด์ KOMFY อีกหนึ่งตัวช่วยบรรเทาอาการปวดคอ บ่าไหล่ เบื้องต้น แค่เปลี่ยนหมอนเลือกหมอนที่ใช่ ให้เข้ากับคุณ

      หมอนสุขภาพที่สามารถช่วยบรรเทา ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดคอ บ่า ไหล่ และเหมาะกับทุกท่วงท่าของการนอน มีหลายขนาดให้เลือก ถึง 3 ไซส์ด้วยกันตามความเหมาะสมกับสรีระที่แตกต่างของทุกๆเพศทุกวัย

Kool Kiss

แบรนด์ Komfy ได้คัดสรรเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับการนอนของคุณ หมอนหนุนคอที่มีดีไซน์ไม่ซ้ำใคร ผ่านการตัดเย็บอย่างพิธีพิถันด้วย ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนที่มีปัญหาด้านการนอนโดยเฉพาะ ขอแนะนำ หมอนรุ่น Kool Kiss Dream ดีไซน์พิเศษรองรับทุกท่วงท่าของการนอน ทั้งท่านอนหงายและท่านอนตะแคง ในหมอนใบเดียว ด้านสามช่องจะเหมาะสำหรับคนที่นอนทั้งหงายและนอนตะแคงสามารถรับรองการกดทับของใบหูและช่วงคอ ในส่วนของด้านยาวถูกออกแบบมาเพื่อรองรับและซัพพอร์ตช่วงคอเหมาะสำหรับนอนการหงายเป็นที่สุด

ตัวหมอนผลิตจาก วัสดุสุดพรีเมียมเส้นใย Komfy Downy ที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบายราวกับขนห่านแต่ไม่ยวบแบน หุ้มด้วยและผ้าหุ้ม K2Kool ที่สามารถช่วยในเรื่องการระบายอากาศ ให้สัมผัสที่เย็นสบาย ไม่ร้อนอบอ้าว ช่วยรองรับสรีระของคุณและที่จะช่วยทำให้คุณฝันดีและนอนเต็มอิ่มไปในทุกๆคืน 

                  การนอนที่ถูกต้องพร้อมกับหมอนที่ตอบโจทย์สรีระของแต่ละบุคคลนั้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ได้ เพราะฉะนั้น เราทุกคนควรหันมาใส่ใจการนอนให้มากยิ่งขึ้นนะค้า 

รูปสาวนอนหนุนหมอนคูลคิส

การพักฟื้นหลังจากศัลกรรมหน้าอก และจมูก มีอะไรบ้าง ?

การทำศัลยกรรมถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป หลายๆคนคงจะเคยประสบปัญหาหลังจากการผ่าตัดศัลยกรรม ไม่ว่าจะเป็นการ เสริมจมูก ทำหน้าอก หรือการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งอื่นๆ บนเรือนร่าง ในช่วงระยะเวลาพักฟื้น 2-4 สัปดาห์แรกหลังจากการศัลยกรรม คนไข้จะต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและต่อเนื่อง เนื่องร่างกายคนคนไข้ได้รับความบอบช้ำจากการผ่าตัด ดังนั้นวิธีการปฏิบัติตัว ดูแลรักษาตัวเองในยะระเวลาพักฟื้น จึงสำคัญอย่างมาก เพื่อที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาหายดีและสามารถที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้เร็วขึ้น

หนึ่งในข้อสงสัยหลักๆ ของผู้ที่กำลังสนใจจะทำศัลยกรรม คือต้องพักฟื้นหลังผ่าตัดกี่วัน? เพราะการพักฟื้นนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลลัพท์ของการศัลยกรรมออกมาสวยงามตามที่วางแผนไว้ หากไม่ทำการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดให้ดู อาจจะเกิดความเสี่ยงทำให้ผลลัพท์นั้นผิดเพี้ยนได้ง่าย เนื่องจากร่างกายยังไม่ปรับสภาพเพื่อให้เข้ากับการศัลยกรรม ดังนั้นการดูแลให้การศัลยกรรมอยู่ในรูปทรงเดิมให้มากที่สุด จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ทำจมูกพักฟื้นกี่วัน? ประมาณ 15 วัน จมูกจะเริ่มเข้าที่ช่วงสองถึงสามเดือนแรก และจมูกจะยุบเข้ารูปเมื่อผ่านไป 6 เดือน

ทำตาสองชั้นพักฟื้นกี่วัน? โดยปกติแล้วจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการทำตาสองชั้นอีกทีด้วย เพราะแต่ละวิธีจะมีระยะเวลาพักฟื้นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ที่เหมือนกันคือ ต้องประคบเย็นตอน 1-2 วันแรกเพื่อลดอาการบวม และดูแลแผลให้สะอาดและแห้งตลอดเวลา

ทำนมพักฟื้นกี่วัน? โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์แรกหลังจากศัลยกรรมเพื่อให้แผลหายดี ในช่วงนี้จึงควรทำความสะอาดแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม ควรทำแผลให้แห้งอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรให้แผลเปียกน้ำ หรืออาบน้ำโดยที่ไม่ปิดแผลให้เรียบร้อย เมื่อแผลเปียกจะส่งผลทำให้แผลหายช้าลงนั่นเอง

หลายท่านคงมีคำถามมากมาย ก่อนการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็น พักฟื้นหลังผ่าตัดกี่วัน ต้องท่านอนอย่างไรหลังผ่าตัด ต้องมีการดูแลพิเศษอย่างไรเพื่อให้แผลผ่าตัดหายเร็วยิ่งขึ้น เดี๋ยวเราไปหาคำตอบกันเลยค่ะ

การดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัด 

หลักจากการผ่าตัดแน่นอนว่าควรคำนึงถึงการรักษาและทำความสะอาดบาดแผล เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก หากละเลยการทำความสะอาดสามารถเป็นเหตุนำมาถึงซึ่ง การติดเชื้อจากบาดแผลได้ เพราะฉะนั้นแล้วการล้างแผลเป็นสิ่งที่สำคัญและควรให้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบ หรือแผลเปิด และควรทำอย่างเบามือ เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ควรฆ่าเชื้อก่อนทำความสะอาดทุกครั้ง และวิธีการล้างแผล ควรทำควรสะอาดตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำ ไม่ว่าจะเป็น เจลประคบเย็นที่ช่วยลดอาการปวดบวมและช่วยให้เลือดไหลหยุดได้เร็ว หรือการเช็ดทำความสะอาด โดยชุดอุปกรณ์ทำแผลเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ไม่ควรอาบน้ำ หรือให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด จนกว่าแผลจะแห้ง หากบาดแผลเกิดโดนน้ำหรือเปียก ควรรีบเช็ดให้แห้งโดยเร็วที่สุด เพื่อรักษาแผลให้สมานตัวและแห้งเร็ว  

ระยะเวลาการพักฟื้นรักษาตัว 

เสริมจมูกพักฟื้นกี่วัน ? สำหรับผู้ป่วยที่ศัลยกรรมจมูก แล้วในระยะเวลาพักฟื้น ประมาณ 15 วัน แต่หลังจากการผ่าตัดจะบวมเต็มที่ในช่วง วันที่ 3-7 ของสัปดาห์แรก และจะเริ่มเข้าที่ ประมาณ สองถึงสามเดือนแรก และจะเริ่มยุบเข้ารูปหลังจาก เดือนที่หกขึ้นไป ในช่วงระยะเวลาการพักฟื้นควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ควรเคลื่อนไหว หรืองดออกกำลัง เช่น กีฬาประเภทที่ได้รับการกระแทก หรือยกของหนักเป็นต้น 

                ทำหน้าอกพักฟื้นกี่วัน ? สำหรับผู้ป่วยที่ศัลยกรรมหน้าอก ช่วงเวลาพักฟื้นจะอยู่ที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ แต่หลังจากการผ่าตัดจะบวมเต็มที่ในช่วงวันที่ 7-14 และจะเริ่มเข้าที่ ในช่วงสามถึงหกเดือนขึ้นไป หลังจากการทำศัลยกรรมหน้าอกแล้วควรดูแลด้วยการนวดหน้าอกบริเวณที่ทำอย่างสะม่ำเสมอ เพื่อลดการเกิดพังผืด และทำให้ทรงดูไม่เป็นธรรมชาติ ควรนวดหน้าอกอย่างน้อยเดือนละครั้ง และควรนวดติดต่อกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย หกเดือน และในช่วงระยะเวลาพักฟื้นควรงดกิจกรรม การเคลื่อนไหวกีฬาทุกประเภทที่ก่อให้เกิดแรงกระแทกและยกของหนักเป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน และควรได้รับการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่จะช่วยฟื้นฟูจากการผ่าตัดได้ดียิ่งขึ้น 

การจัดท่านอนที่ถูกต้องสำหรับหรับคนที่ศัลยกรรม 

คนไข้หลังจากผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ควรนอนหมอนสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเกิดการเคลื่อนตัว ไม่ควรนอนท่านอนตะแคงเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้ทรงจมูกผิดเพี้ยนไปจากผลลัพท์ที่ควรจะได้จากการผ่าตัดศัลกรรมในครั้งนี้ ท่านอนหงาย คือท่านอนที่ถูกต้อง และดีที่สุด สำหรับการศัลยกรรมจมูก และทำหน้าอก เพื่อป้องกันไม่ให้บริเวณที่ศัลยกรรมเกิดการเคลื่อนตัวของซิลิโคนและสามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บของแผล ข้อดีของการนอนงายนอกจากจะเป็นท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพแล้ว ท่านี้ยังช่วยรักษาสรีระ ศรีษะ ลำคอและหลังให้อยู่ในแนวตรงเพื่อป้องการอาการปวดเมื่อยคอและหลังได้ แถมยังสามารถช่วยชะลอริ้วรอยหรือการหย่อนคล้อยของผิวพรรณได้อีกด้วย แล้วหมอนรองคอสำหรับศัลยกรรมควรเป็นแบบไหนดีนะ ?

ต้องนอนท่าไหนถึงจะเหมาะกับการพักฟื้น?

หากทำศัลยกรรมจมูกมาแล้ว ควรจะนอนหมอนที่สูง เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเคลื่อนตัว ไม่ควรนอนท่านอนตะแคงเด็ดขาดเพราะแรงกดจากศีรษะ หมอน และแรงโน้มถ่วง อาจจะทำให้ทรงจมูกผิดเพี้ยนไปจากผลลัพท์ที่วางแผนไว้ ดังนั้น ท่านอนหงายจึงเป็นท่านอนที่เหมาะที่สุดสำหรับการพักฟื้นจากศัลยกรรมจมูก และพักฟื้นจากศัลยกรรมหน้าอกเช่นกัน ซึ่งการนอนหงายนั้นจะช่วยป้องกันไม่ให้บริเวณที่ศัลยกรรมเกิดการเคลื่อนตัวของซิลิโคน และช่วยลดอาการบาดเจ็บของแผลอีกด้วย

หมอนที่คนไข้พักฟื้นต้องมีติดไว้

นอกจากขั้นตอนการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดแล้ว การใช้หมอนรองคอที่ดีจะช่วยให้การฟื้นตัวทำได้เร็วขึ้น เช่น หมอนรองคอ Kool Komfort Kalm รุ่นนี้ ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อจัดท่านอนให้อยู่กับที่โดยมีทั้งที่หนุนหลัง และที่รองแขนโดยเฉพาะ นอกจากดีไซน์แล้ว Kool Komfort Kalm ยังเทคโนโลยีดีๆ อีกมากมาย ทั้ง

– ผ้า K2 Kool ให้ผิวสัมผัสของหมอนเย็นสบาย ช่วยถ่ายเทความร้อนจากร่างกายให้ออกผ่านหมอนอีกที

– ผ้าตาข่าย Air Kool ผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเน้นการระบายอากาศ และมีการไหลเวียนอากาศได้ดี ช่วยถ่ายเทความร้อนจากร่างกาย มีส่วนช่วยให้ร่างกายเย็นลง แผลแห้งง่ายขึ้น

– เส้นใย Komfy Downy เป็นเส้นใยที่นุ่มและสามารถคืนตัวได้ดี ทำให้รองรับสรีระของร่างกาย ช่วยถ่ายเทน้ำหนัก ลดการเกิดอาการกดทับ

Kool Komfort Kalm

หมอนตัวU หมอนรองคอทำจมูก ตัวช่วยการพักฟื้นหลังทำศัลกรรม 
Kool Komform Kalm

การใช้ชีวิตประจำวันของคนไข้ที่พิ่งผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมในช่วงระยะเวลาแรกของการพักฟื้นราว 2สัปดาห์แรกอาจจะค่อนข้างลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง การนอน หรือลุกยืน เดิน ควรระวังและมีตัวช่วยพิเศษ  เพื่อช่วยบรรเทาลดอาการบอบช้ำหลังการผ่าตัด และเพื่อป้องกันไม่ให้แผลเปิดหรือเกิดการอักเสบบอบช้ำของแผล และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้ก็คือหมอน ที่สามารถช่วยจัดท่านั่ง ท่านอน ซึ่งเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการพักฟื้น การมีหมอนวางซ้อนกันหลายๆใบนั้น อาจจะไม่สามารถช่วยประครองท่านั่งได้ดีเท่าที่ควรหรืออาจจะก่อให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามมา

หมอนตัวยู นอกจากจะเป็นไอเท็มที่ติดบ้าน ใช้ในการนั่งทำงานหรือนั่งดูซีรีย์แล้ว ยังสามารถเป็นตัวช่วยสุดพิเศษของคนไข้ที่เพิ่งผ่านการศัลยกรรมจมูกหรือศัลกรรมหน้าอก ด้วยดีไซน์ของหมอนที่ออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตและรองรับท่านั่งและการนอนโดยเฉพาะ เพื่อให้การพักฟื้นของคุณเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย รองรับสรีระในส่วนหลังและช่วยซัพพอร์ตช่วงแขน รองรับท่านั่งได้อย่างดี แขนทั้งสองข้างของตัวหมอนยังสามารถปรับและมีหน้าที่ช่วยล็อคลำตัว ไม่ให้เคลื่อนตัวเพื่อป้องกันการบาดเจ็บและลดอาการบอบช้ำของแผล ตัวช่วยในการพักฟื้นให้แผลปิดสนิทเร็วขึ้นและช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น 

Kool Komfort Kalm Pillow

หมอนตัวยูยังสามารถปรับในองศาได้ตามความชอบได้ นอกจากหมอนตัวยูจะช่วยเรื่องของการจัดท่านั่ง และท่านอนให้ถูกต้องตามสรีระแล้วนั้นยังสามารถใช้เป็นหมอนหนุนนอนได้อีกด้วย หลังจากการผ่าตัดคนไข้ไม่ควรเคลื่อนไหวตามปกติได้ จะต้องอยู่ในท่าที่แพทย์แนะนำ จึงจำเป็นต้องจัดท่านอนให้ถูกต้อง และลดการเคลื่อนไหวให้ได้มากที่สุด ด้วยแขนทั้งสองข้างของหมอนตัวยูสามารถช่วยรับรองลำตัวในการนอน เหมือนมีหมอนข้างทั้งสองด้านป้องกันการเคลื่อนไหวและอาการนอนดิ้นในเวลาหลับ เรียกได้ว่าหมอนตัวยู เป็นหมอนสามัญประจำบ้าน สารพัดประโยชน์ ที่ใช้ได้ทั้งทุกเพศทุกวัย และคนที่พักฟื้นจากการทำศัลยกรรมควรมีติดบ้าน

Kool Komfort Kalm

ฟื้นตัวเร็ว ด้วยวิธีง่าย ๆ กับการดูแลตัวเองโดยเฉพาะอาการหลังผ่าตัดเข่า และสะโพก

หลายท่านคงกังวลและสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดเข่า หรือสะโพกกันอยู่ใช่ไหมคะ และแน่นอนว่าคงมีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นในหัวไม่ว่าจะเป็น 

  • อาการแบบไหนถึงต้องผ่าตัด
  • ใช้วิธีบล็อคหลังหรือดมยาสลบ 
  • ถ้าผ่าแล้วแผลจะยาวกี่เซนติเมตร 
  • มีผลข้างเคียงมากน้อยแค่ไหน 
  • ต้องนอนโรงพยาบาลกี่วัน 
  • ผ่าตัดหัวเข่าพักฟื้นกี่วันถึงจะกลับมาเป็นปกติ เข่าถึงจะเริ่มงอเข่า,ยืน,เดินและพอขับรถใกล้ๆได้ 
  • หลังผ่าแล้วต้องกลับมาทำกายภาพบำบัดอีกหรือไม่ 
  • รวมถึงรอยแผลหลังผ่าตัด หากหายสนิทดีแล้ว จะยังคงมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เช่น รอยตึงของแผล หรืออาการเจ็บรอบแผล เป็นต้น 

ในบทความนี้เราจะมาตอบปัญหาที่หลาย ๆ ท่านกำลังสงสัยพร้อมแนะนำการดูแลรักษาร่างกายให้กลับมาฟื้นตัวเร็ว ด้วยวิธีง่าย ๆ กับการดูแลร่างกายโดยเฉพาะอาการหลังผ่าตัดเข่า และสะโพกกันค่ะ 

ต้องเป็นมากน้อยขนาดไหนถึงต้องผ่าตัด? 

เรื่องการผ่าตัด จริง ๆ เกิดได้ในหลายสาเหตุ แต่ในบทความนี้เราจะมาเน้นกันที่ปัญหาเรื่องสุขภาพเข่าและสะโพกกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เรานั้นจำเป็นต้องผ่าตัด? 

ปัญหาอะไรบ้างที่ทำให้เราต้องการผ่าตัด ?

ในส่วนของการผ่าตัดเข่า มักจะจำเป็นก็ต่อเมื่อข้อเข่าสึก หรือมีภาวะอาการเสียหายรุนแรง ซึ่งการผ่าตัดจะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดจากข้อเข่าอักเสบ และฟื้นฟูการทำงานของข้อเข่าที่เป็นโรคร้ายแรงได้  โดยปัญหาส่วนใหญ่ที่พบบ่อยที่สุด เมื่อต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าคือ โรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะสุขภาพอื่น ๆ ที่ทำให้เข่าเสียหาย ได้แก่ :

  • ข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • โคคฮีโมฟีเลีย
  • โรคเกาต์
  • ความผิดปกติที่ทำให้กระดูกเติบโตผิดปกติ
  • กระดูกข้อเข่าตายจากปัญหาเลือดไปเลี้ยง
  • อาการบาดเจ็บที่เข่า
  • ข้อเข่าผิดรูปด้วยความเจ็บปวดและสูญเสียกระดูกอ่อน

ส่วนเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับสะโพก โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการผ่าตัดสะโพกคือ ปัญหาจากโรคข้อเข่าเสื่อม หรือภาวะอื่น ๆ ที่อาจทำให้ข้อต่อสะโพกเสียหายได้ เช่น 

  • ข้ออักเสบรูมาตอยด์ 
  • กระดูกสะโพกหัก 
  • ข้อสะโพกเสื่อม
  • โรคข้ออักเสบ 
  • ความผิดปกติที่ทำให้กระดูกเจริญเติบโตผิดปกติ (กระดูก dysplasias)

ความแตกต่างระหว่างบล็อกหลัง กับ ดมยาสลบ

การบล็อกหลัง หรือการทำให้รู้สึกชาเฉพาะที่ 

เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดบริเวณขาหรือสะโพก รวมถึงการผ่าตัดช่องท้องส่วนล่าง ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่

  1. Epidural block คือการฉีดยาชาเฉพาะที่ โดยสามารถระงับความรู้สึกเจ็บปวดและมีการหย่อนกล้ามเนื้อ เป็นการฉีดยาชาเข้าไปช่องเหนือ ช่องน้ำไขสันหลัง 
  2. Spinal block คือการฉีดยาชาเข้าไปในช่องน้ำไขสันหลัง ซึ่งจะออกฤทธิ์กดการนำส่งพลังประสาท ทำให้มีอาการชาและหย่อนกล้ามเนื้อใรบริเวณที่ถูกบล็อกไว้

โดยการเลือกระหว่าง 2 แบบนั้นจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ แต่โดยทั่วไป การทำแบบ Spinal block จะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่า เพราะว่าใช้เวลาในการทำสั้นกว่า ออกฤทธิ์เร็วและแน่นอนกว่า 

ข้อดีของการบล็อกหลัง  : 

  1. กล้ามเนื้อของขาจะหย่อนตัวได้ดีกว่าการวางยาสลบ ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดได้สะดวกกว่า
  2. ความต้องการยาแก้ปวดในช่วงหลังผ่าตัดจะน้อยกว่าการวางยาสลบ เนื่องจากระบบประสาทถูกสกัดจากยาชาก่อนที่จะเกิดบาดแผล ผิดกับการวางยาสลบ ซึ่งยาสลบจะไปกดสมองไม่ให้รับรู้ความเจ็บปวด แต่ ระบบประสาทไขสันหลัง และระบบประสาททั่วร่างกายยังทำงานของมันอยู่ ทำให้เมื่อยาสลบหมดฤทธิ์ ก็จะปวดมาก 
  3. หากผู้ป่วยกลัว หรือ กังวลมาก ก็อาจจะให้ยานอนหลับ (คนละชนิดกับยาสลบ) ให้หลับ เพื่อลดความกลัว ลดความกังวลได้ 

ข้อเสียของการบล็อกหลัง ​: 

  1. หลังผ่าตัดจะขยับขาไม่ได้อยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง ในบางรายอาจจะรู้สึกรำคาญ หรือ เมื่อยขา โดยเฉพาะในช่วงที่ยาชากำลังจะหมดฤทธิ์ 
  2. บางคนอาจจะมีอาการปัสสาวะไม่ออก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่มักจะเกิดขึ้นในช่วง 12 ชั่วโมงแรก 
  3. มีอาการปวด หรือ เมื่อยหลัง อาจจะเป็นได้ในช่วงวันแรก ๆ 

การดมยาสลบ

เป็นการรวมกันของยาที่ทำให้เราหลับก่อนการผ่าตัด เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเพราะหมดสติไปโดยสมบูรณ์ การดมยาสลบมักใช้ยาทางหลอดเลือดดำร่วมกับก๊าซที่สูดดม (ยาชา) การดมยาสลบเป็นมากกว่าแค่การหลับ เมื่อสมองเราได้ดมยาสลบไปแล้ว จะไม่มีตอบสนองต่อสัญญาณความเจ็บปวดหรือปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ โดยข้อดีของการดมยาสลบ คือ ผู้ป่วยไม่ต้องรับรู้ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในห้องผ่าตัด ในขณะเดียวกัน ถ้ามีข้อดี ย่อมมีข้อเสียเช่นเดียวกัน นั้นก็คือ การใช้ยาสลบหลาย ๆ ตัวอาจจะทำให้มีผลข้างเคียงได้บ่อย แต่มักไม่อันตราย ซึ่งผู้ป่วยจะสามารถหายได้เองในเวลาอันสั้น ซึ่งผลที่ตามมาอาจจะเป็นมีอาการเจ็บคอ ระคายคอ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการสอดใส่ท่อช่วยหายใจผ่านเข้าไปในหลอดลม อาการนี้จะใช้เวลาหายไม่นานเกินกว่า 1-2 วัน บางครั้งอาจจะมีอาการคลื่นไส้ หรือ มีความเสี่ยงในเรื่องของการสำลักเศษอาหารควบคู่ไปด้วยสำหรับบางท่าน 

ระยะเวลาการรักษา

สำหรับประเด็นในการรักษาการผ่าตัดเข่า โดยปกติทั่วไป เมื่อทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า แพทย์จะทำการเปิดแผลผ่าตัดบริเวณหัวเข่ายาวประมาณ 8-10 เซนติเมตรเพื่อนำส่วนของข้อเข่าที่เสื่อมสภาพออก หลังจากผ่าเข่า จำเป็นต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 2-3 วัน ระหว่างนี้แพทย์จะให้ทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว และก่อนอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน แพทย์จะตรวจดูให้แน่ใจก่อนว่าผู้ป่วยลุกขึ้นยืน นั่ง นอน และเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว 

สำหรับการรักษาการผ่าตัดสะโพก ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวไวและลดอัตราการเกิดข้อสะโพกหลุดหลังผ่าตัด โดยขนาดของบาดแผลในการผ่าตัดสะโพกนั้นจะมีความยาวประมาณ 3 – 4 นิ้ว โดยแผลผ่าตัดจะอยู่ด้านหน้า และสามารถซ่อนแผลใต้รอยขอบบิกินี่ (Bikini incision) ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนการผ่าตัดจะใช้เวลาผ่าตัด 2-3 ชั่วโมง โดยศัลยแพทย์จะตัดกระดูกอ่อน และกระดูกส่วนที่เสียหายออก และใส่วัสดุข้อสะโพกเทียมเข้าไปแทน เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จ ผู้ป่วยอาจจะจำเป็นต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นเวลา 4 – 7 วัน และหลังผ่าตัด12 สัปดาห์ขึ้นไปผู้ป่วยอาจจะสามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่ความช้าหรือเร็วในการหายเป็นปกติ อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัย และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันออกไป 

หลังการผ่าตัด ควรมีวิธีดูแลอย่างไร?

นอกจากจะต้องมีคุณหมอที่เก่งแล้ว การพักฟื้นก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เช่นเดียวกัน เพราะหากเราพักฟื้นในท่าที่ไม่เหมาะสม อาจเกินผลกระทบต่อการผ่าตัด หรือแผลผ่าตัดได้นะคะ วิธีพักฟื้นโดยทั่วไป 2 ตัวช่วยที่อยากขอแนะนำที่ผู้ผ่าตัดเข่าหรือสะโพกจะต้องมี เพราะจะช่วยให้การพักฟื้นนั้นสบายขึ้น 

ก็คือ หมอนรุ่น Kool Komfort Kradle เป็นหมอนสำหรับล็อคขา เพื่อช่วยประคองขาและช่วงหัวเข่าไม่ให้บิดออกจากแนวเส้นตรง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยจากการนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน มีรูปทรง W แนวตรงช่วยรองรับหัวเข่าและปลายเท้าได้อย่างเหมาะตามหลักสรีรศาสตร์ เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น แม้นอนเป็นเวลานาน ก็ไม่รู้สึกอึดอัด หรือร้อนขา อย่างแน่นอน 

Kool Komfort Kradle

และอีกหนึ่งตัวช่วยที่แนะนำจะเป็น หมอน Kradle Underkicks เป็นหมอนรองเข่า รูปทรงครึ่งวงกลม ซึ่งเป็นหมอนเหมาะสำหรับรองใต้ขา ช่วยลดแรงกดทับ และลดอาการปวดเมื่อย โดยเฉพาะบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และหัวเข่า 

Kraddle Underkicks

หากใช้หมอนล็อคขา Kool Komfort Kradle และหมอนรองเข่า Kradle Underkicks ร่วมกัน จะช่วยในการพักฟื้นและซัพพอร์ตร่างกายที่พึ่งได้รับการผ่าตัดมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะจะช่วยรองรับตั้งแต่ช่วงสะโพกไปถึงข้อเท้า ลดการเคลื่อนไหวระหว่างการพักฟื้น

และทั้งหมดนี้ คือข้อมูลที่รวบรวมมาให้กับทุกคนที่กำลังหามองหาวิธีการดูแลที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว ด้วยวิธีง่าย ๆ กับการดูแลร่างกายโดยเฉพาะอาการหลังผ่าตัดเข่า และสะโพก หากใครมีข้อคำถามหรือสงสัยเกี่ยวกับสินค้าหมอนทั้ง 2 รุ่นข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 095-907-6587 หรือ Facebook Page : ​​SleepKomfy  

นอนไม่หลับ เพราะอะไรกันนะ ?

การนอนเป็นการพักผ่อนที่สำคัญมาก เพราะว่าคนเราใช้เวลานอนไปกว่า 1 ใน 4 ส่วนของในแต่ละวันไปเลยทีเดียว เฉลี่ยจากการนอนวันละ 6-7 ชั่วโมง แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่มีอาการนอนไม่หลับ ส่งผลให้การพักผ่อนไม่เพียงพอ อาการนอนไม่หลับนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยส่วนมากเกิดขึ้น กับคนที่ทำงานไม่เป็นเวลา และในผู้สูงอายุ ถึงแม้ว่าอาการนอนไม่หลับไม่ทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงในระยะสั้นแต่ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองและร่างกายลดลง และหากเกิดขึ้นเป็นประจำอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ซึ่งอาการที่นอนไม่หลับมีอยู่หลายประเภท ดังนี้

  • นอนหลับแล้วตื่นบ่อยๆ 
  • นอนน้อย หรือ ชั่วโมงในการนอนไม่เพียงพอ 
  • ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะหลับได้ 
  • ฝันบ่อยๆ เนื่องจากเกิดการหลับตื้นหรือหลับไม่สนิท 

นอกจากนี้อาการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ยังประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ..

ปัจจัยทางร่างกาย

ซึ่งเกิดจากอาการบาดเจ็บตามร่างกาย อาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ จากการออกกำลังหรืออุบัติเหตุ นอกจากการได้รับบาดเจ็บแล้ว ในภาวะที่มีอาการไข้ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงอาการเป็นกรดไหลย้อน อาการดังกล่าวนี้ก็ยังสามารถส่งผลกระทบก่อให้เกิดการนอนไม่หลับได้เช่นกัน  

ปัจจัยทางด้านจิตใจ

ความเครียด โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคไบโพล่าร์ หลายคนคงจะเคยประสบปัญหาเหล่านี้ ไม่มากก็น้อย การทำให้จิตใจผ่อนคลายก่อนนอน เช่น การนั่งสมาธิ ถือเป็นการช่วยให้นอนหลับได้ จึงเป็นอีกตัวช่วยที่จะทำให้คุณนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น  

ปัจจัยจากอุปนิสัย และสภาพแวดล้อม

ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดการนอนไม่หลับ เช่น บรรยากาศรอบๆห้องนอน รวมถึงการจัดตกแต่งห้อง ที่บางทีทำให้รู้สึกอึดอัด อุณหภูมิห้อง ก็เช่นกัน อากาศที่ร้อนมากเกินไป หนาวเกินไป หรือมีความชื้นมากเกินไป ความสว่างจากแสงไฟ หรือแม้แต่ กลิ่นในห้อง รวมไปถึงการรบกวนจากคนข้างๆ ที่พลิกตัวไปมาหรือมีอาการนอนกรน ทั้งหมดนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับได้เช่นกัน  

อุปนิสัยการนอนที่ไม่ถูกต้อง เช่น ออกกำลังกายก่อนนอน การรับประทานอาหารก่อนนอน การนอนกลางวันมากเกินไป ทำให้ตื่นตัวในช่วงดึก และนอนในตอนเช้า นั่นเป็นกิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง  

ปัญหาจากเครื่องนอน

ที่นอน ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญมากๆ การเลือกหมอน และที่นอนให้พอดี เพื่อให้เหมาะกับสรีระ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและสรีระของแต่ละบุคคลนั้นๆ เครื่อนอนที่พอดีกับคุณจะช่วยให้คุณนอนหลับสบายได้ดียิ่งขึ้น  


วันนี้น้อง K Kare เลยขอมาแนะนำที่นอนจากแบรนด์ KOMFY บอกเลยว่ามีหลากหลายสัมผัส ที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับทุกเพศทุกวัย ท่านไหนที่ปัญหาเรื่องการนอนไม่ว่าจะมาจาก ที่นอน หรือหมอน หากคุณได้ลองนอน KOMFY แล้ว จะบอกเลยว่าหลับเต็มอิ่มกว่าที่เคย พร้อมความรู้สึกสดชื่นในทุกเช้าวันใหม่  

ใครที่ชอบที่นอนสัมผัสแน่น รองรับแผ่นหลัง ต้องลอง Kloud Sergio ที่ดีไซน์ชั้นเลเยอร์คล้ายแซนวิช ระหว่างยางพาราแท้ 100% และเมมโมรี่โฟมพรีเมี่ยม ที่ช่วยซัพพอร์ตสรีระร่างกายไม่กดทับจุดใดจุดนึง และช่วยเติมเต็มส่วนโค้งเว้าให้แผ่นหลังแนบสนิทกับที่นอน ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง มาพร้อม Signatory Pocket Spring เสริมประสิทธิภาพในการกระจายน้ำหนักได้อย่างสมดุล 

           หรือหากใครชอบที่นอนที่ให้ความนุ่มสบาย แต่ไม่นุ่มยวบ Kloud Ultimo เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่บอกได้เลยว่า จะเปลี่ยนเตียงนอนให้กลายมาเป็นมุมโปรดของคุณ​ทุกช่วงเวลา ด้านบนท็อปด้วยเมมโมรี่โฟมชั้นพรีเมี่ยม มอบความสบายดุจนอนบนก้อนเมฆ สลายแรงกดทับ พร้อมผ้าหุ้ม Kool Touch Italian Knit เพียงแค่สัมผัสก็รู้สึกถึงความเย็น จากกระบวนการทอพิเศษ​ที่ช่วยเน้นเรื่องระบายอากาศ​ ไม่ทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าว หรือเหงื่อออกระหว่างคืน รองรับสรีระได้อย่างเหนือชั้นด้วย Micro Pocket Spring สปริงขนาดเล็กแยกตัวอิสระ เรียงตัวถี่พิเศษ​ เพื่อช่วยกระจายน้ำหนัก และรองรับได้อย่างตรงจุด ลดการสั่งสะเทือนจากการพลิกตัวของคนข้างๆ  

ปัญหากรดไหลย้อน ของคุณแม่ตั้งครรภ์

รู้หรือไม่? หญิงตั้งครรภ์มากกว่า 80% ถึงมีอาการเป็นกรดไหลย้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลา 6-12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรรภ์ และจะเกิดขึ้นอีกครั้งในระยะเวลาใกล้คลอด 

เนื่องจากคนท้องมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน ซึ่งส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลงและทำให้กล้ามเนื้อหูรูดบริเวณปลายหลอดอาหารที่อยู่ติดกับกระเพาะคลายตัวบ่อยกว่าปกติ เนื่องด้วยมดลูกมีการขยายขนาดใหญ่ขึ้นประกอบกับทารกในครรภ์เจริญเติบโตขึ้น ทำให้การขยายตัวไปเบียดกับกระเพาะอาหาร โดยที่ตำแหน่งของกระเพาะอาหารย้ายขึ้นอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น เมื่อรับประทานอาหารมาก ๆ หรือเอนตัวลงนอนหลังรับประทานอาหารเสร็จได้ไม่นาน น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดจึงไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน 

อาการของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นมีอาการกรดไหลย้อน ที่จริงแล้วจะมีอาการเช่นเดียวกับคนทั่วไป โดยอาการที่มักพบได้บ่อย มีดังนี้ 

  • แสบร้อนบริเวณคอหรือหน้าอกส่วนบน 
  • เรอบ่อย เรอเปรี้ยว หรือรู้สึกขมคอหลังจากตื่นนอน 
  • อาการท้องอืด แน่นท้อง 
  • คลื่นไส้ อาเจียน 
  • ระคายเคืองคอ หรือเสียงแหบ

ทั้งนี้ ภาวะกรดไหลย้อนขณะตั้งครรภ์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่อาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันของตัวคุณแม่เอง และในรายที่มีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะหลอดอาหารอักเสบได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองหลังจากคลอดบุตรแล้ว 

วิธีรับมือและป้องกันอาการกรดไหลย้อนในขณะตั้งครรภ์ 

  1. รับประทานอาหารทีละน้อยๆ บ่อยครั้ง เคี้ยวอาหารให้ละเอียด และทานอาหารตรงตามเวลาทุกมื้อ แนะนำให้ทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย และเคี้ยวให้ละเอียดทุกคำก่อนกลืน 
  1. หลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จภายใน 1 ชม. และเผื่อเวลาให้อาหารได้ย่อยก่อนอย่างต่ำ 4 ชม. เป็นต้น 
  1. ปรับเปลี่ยนกิจกรรม หลังรับประทานอาหารควรเดินเล่นอย่างน้อย 10-15 นาที จะช่วยให้อาหารย่อยง่ายขึ้น 
  1. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำระหว่างทานอาหาร 
  1. หลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและเป็นสาเหตุให้การเกิดกรดไหลย้อน ได้แก่ ผลไม้เปรี้ยวจัด น้ำอัดลม คาเฟอีน อาหารเผ็ด ของดอง 
  1. ปรับท่านอน ควรปรับให้ศีรษะอยู่สูงไว้ อาจจะลองหาหมอมาหนุนให้สูงขึ้นสามารถเอนตัวลงได้แต่ต้องให้ความสูงของศรีษะไม่ต่ำกว่า 12 นิ้ว 
  1. แต่ถ้าหากปรับตัวแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นแนะนำให้พบแพทย์ทันที
5 วิธีบรรเทาอาการกรดไหลย้อน
ทำ 5 วิธีนี้ ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

การใช้ยารักษา ยาที่ใช้รักษาภาวะกรดไหลย้อนส่วนใหญ่ก็จะคล้าย ๆ กับยารักษาโรคกระเพาะ ยาลดกรดธรรมดา หรือยาธาตุน้ำขาวจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยมาก และไม่พบมีอันตรายต่อการตั้งครรภ์แต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น ยาลดการหลั่งกรด ไม่แนะนำให้ซื้อยามารับประทานเอง ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะปลอดภัยที่สุด หรือจะหาตัวช่วยการจัดท่านอนให้เหมาะสม เช่น หมอนสำหรับคนเป็นโรคกรดไหลย้อนโดยเฉพาะอย่าง 

Kool Komfort Wave หมอนสำหรับคนเป็นกรดไหลย้อน 

คิดค้นและพัฒนาสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อนโดยเฉพาะ ด้วยความสูงมาตฐานที่ทางการแพทย์แนะนำ ความสูง 12 นิ้ว ตัวช่วยในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อน ดีไซน์ที่เป็นคลื่น Wave รองรับและเติมเต็มช่วงหลังและสรีระ มาพร้อกับผ้าหุ้มสัมผัสที่เย็นสบายจากเนื้อผ้า K2Kool นวัตกรรมพิเศษเฉพาะ Komfy และผ้าตาข่าย Air Kool ระบายอากาศไม่อับชื้น รับประกันเส้นใย Komfy Downy ละเอียด นุ่มสบาย โอบรับสรีระ ซื้อวันนี้ รับฟรีหมอน Bambi Komfy 🎉 ทุกช่องทางออนไลน์ของ Komfy ได้แล้ววันนี้  

KOMFY แทนของขวัญสุดพิเศษ❤️

หากคุณเป็นคนหนึ่งกำลังมองหา ของขวัญในโอกาสพิเศษในช่วงเทศการแห่งความสุขที่ใกล้จะมาถึงนี้ ให้ Komfy เป็นสิ่งที่แสดงความในใจ และของขวัญสุดพิเศษ ให้คนที่คุณรัก กันสิคะ 

แล้วทำไมต้อง Komfy กันนะ? 

มาดู 4 เหตุผลที่ควรให้ KOMFY เป็นของขวัญกัน 🎁⁣ 

☁️ เพราะ Komfy เหมาะกับทุกคนในครอบครัว และทุกเพศทุกวัย ด้วยการดีไซน์ที่หลากหลาย ไม่ว่าคนที่คุณรักจะมีความชอบการนอนแบบใด หมอน KOMFY ก็มีให้เลือกได้อย่าตรงจุด พร้อมวัสดุคุณภาพที่เลือกสรรอย่างเหมาะสมสำหรับคนไทย ทั้งไม่อับร้อน ไม่กักเก็บไรฝุ่น

1️⃣ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมต่างๆ การออกกำลังกาย การกินอาหาร รวมไปถึงการพักผ่อนหรือการนอน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพื่อสุขภาพที่ดีสำหรับของคนที่คุณรัก เริ่มจากการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม เป็นการช่วยชาร์จพลังได้อยากเต็มที่ ตื่นมาสดชื่นในทุกๆวัน⁣ 

2️⃣ ช่วยบรรเทาปัญหาการนอนต่างๆ หากท่านไหนที่มีปัญหากรดไหลย้อน เส้นเลือดขอด ปวดคอ หรือปวดหลัง บอกเลยว่าหมอน KOMFY ที่มีการศึกษา และดีไซน์เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาได้อย่างตรงจุด การใช้หมอนที่ถูกต้องและให้เหมาะสมกับสรีระผู้นอนเป็นสิ่งจำเป็นมากค่า 

3️⃣ หมอนดีไซน์แปลกตา หาไม่ได้จากแบรนด์ไหนๆ ได้รับต้องประหลาดใจ และยิ่งประหลาดใจยิ่งกว่าคือความดีงามของน้อง ⁣ 

4️⃣ การรับประกันการดูแลปรับใย ที่ซื้อฝากใครก็ไม่ต้องเป็นกังวล หากซื้อไปแล้ว รู้สึกไม่พอดีกับสรีระ ก็สามารถนำมาปรับใยให้เหมาะสมได้ตลอด 1 ปีเลยค้า 

ส่วนน้อง K Kare นั้นเป็นคนนึงที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ รวมไปถึงคนในครอบครัวด้วย เพื่อคนที่เรารักได้อยู่กับเราไปนานๆ เพราะฉะนั้น การจะมีสุขภาพที่ดี ควรเริ่มจากภายใน ไม่ว่าจะทางอาหารที่มีประโยชน์ หรือการนอนหลับและการพักผ่อนให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ 

Komfy จึงเหมาะสุดๆ ที่จะเป็นของขวัญให้กับคนที่คุณรัก เพราะ Komfy ให้ความสำคัญกับสุขภาพ การนอนหมอนที่ถูกหลักตามสรีระศาสตร์  เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับการนอนหลับของคุณ 
 

ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของเราทำการผลิตอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียด หมอนของ Komfy ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ใช้ ช่วยยกระดับความสุขของคนในบ้านของท่าน หมอนสุขภาพคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ผ่านการทำมืออย่างพิถีพิถัน ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของการนอน ด้วยการออกแบบมาเพื่อการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนอนและ ที่นอน เพื่อที่จะให้ทุกๆท่าน ไม่ว่าจะเป็นท่านใดที่มีปัญหาสุขภาพ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เด็ก ผู้สูงอายุ  หรือท่านใดที่นอนหลับไม่สนิท ปวดหลัง ปวดคอ มีปัญหาช่วงขา ได้รับการผ่าตัดสะโพก และเข่า หรือท่านใดที่เป็นกรดไหลย้อน รวมไปถึงคนที่ไม่มีปัญหาสุขภาพและชอบหมอนนุ่มฟูสไตล์ โรงแรม 5 ดาว ทางเราก็มี ด้วยนวัตกรรม ผ้าหุ้ม DovasilQ ที่ได้รับการรับรองจากสาบันศิริราช ว่าป้องกันไรฝุ่นได้ 100% ให้คุณและคนที่คุณรักได้ไว้วางใจ ปลอดภัยลดฝุ่น และรวมถึงไปถึงเส้นใยพิเศษ Komfy Downy ที่ทำให้เครื่องนอนและที่นอน ไม่ยุบตัว รวมถึงนวัตกรรมผ้า K2Kool เนื้อผ้าสัมผัสเย็น นุ่มสบาย ช่วยระบายความร้อน กับเส้นใยพิเศษที่ช่วยเน้นการระบายอากาศให้ไหลเวียนได้ดี ทอพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ที่มีเฉพาะที่ Komfy เท่านั้น  

ให้แบรนด์ Komfy เป็นตัวเลือกที่ที่ตอบโจทย์ในชีวิตของคุณ และคนที่คุณรักได้แล้ววันนี้ ที่  Komfy👇🏻🧡 ทุกสาขา  

– สาขา Emporium ชั้น 4 โซน The Living⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣ 

– สาขา Siam Paragon ชั้น 4 โซน The Living ⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣ 

– สาขา The Mall Bangkapi ชั้น 3 โซน The Living⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣ 

– สาขา The Mall Thapra ชั้น 2 โซน The Living⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣ 

-สาขา The Mall Bangkhae ชั้น 3 โซน The Living 

– สาขา The Mall Ngamwongwan ชั้น 4 โซน The Living⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣ 

– สาขา Magniflex & Komfy Flagship Store สุขุมวิท 39 ซอยพร้อมใจ